บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความรู้เกี่ยวกับภาษีเหล้าบุหรี่ที่ควรรู้

ความรู้เกี่ยวกับภาษีเหล้าบุหรี่ที่ควรรู้


 นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (21 ส.ค.) มีมติเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าบุหรี่และสุรา โดยจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1.2 หมื่นล้านบาท
 ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีให้ปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตบุหรี่ซิกาแรต จากปัจจุบันที่เก็บตามมูลค่า ในอัตรา 85% ของมูลค่า ให้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 87% (เพดานสูงสุดตามกฎหมายที่จะปรับขึ้นไปได้ถึง 90%) ซึ่งจะส่งผลให้ราคาบุหรี่ขายปลีกในประเทศปรับขึ้นตามภาษีที่ปรับสูงขึ้น เช่น บุหรี่ยี่ห้อกรองทิพย์ ที่เป็นแบรนด์ยอดนิยมของโรงงานยาสูบ รัฐวิสาหกิจที่ผูกขาดการผลิตบุหรี่ในประเทศ



จะปรับภาษีขึ้นอีกซองละ 6 บาท ไมล์ด เซเว่น ภาระภาษีเพิ่มอีกซองละ 9 บาท มาร์โบโล ภาษีเพิ่มขึ้นซองละ 8 บาท และเอ็มแอล ภาษีเพิ่มขึ้นซองละ 6 บาท ทั้งนี้ การปรับเพิ่มภาษีบุหรี่นี้ จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1 หมื่นล้านบาท

 สำหรับสุราขาว ซึ่งเป็นสุราที่นิยมของคนในชนบท ปรับเพิ่มอัตราภาษีตามปริมาณเป็น  150 บาท/ลิตร จากปัจจุบันที่เก็บในอัตรา 120 บาท/ลิตร และสุราผสม (Blended spirit) ปรับเพิ่มเป็น 350 บาท/ลิตรจากปัจจุบันเก็บที่ 300 บาท/ลิตร โดยจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 2 พันล้านบาท

 "ทั้งบุหรี่ไทยและต่างประเทศรวม 8 ยี่ห้อต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นซองละ 6-8 บาท คาดว่าการจัดเก็บครั้งนี้ จะส่งผลให้กรมสรรพสามิตมีรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนภาษีสรรพสามิตเบียร์ อยู่ในระหว่างการศึกษาว่าจะมีการปรับเพิ่มได้อีกหรือไม่ ขณะเดียวกัน ในภาษีไวน์ไม่ได้เก็บเพิ่มเนื่องจากที่ผ่านมาเก็บเต็มเพดานแล้ว"

รัฐบาลเทงบ 380 ล้าน โหมประชานิยม
 ด้านนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 25-26 ส.ค.นี้ รัฐบาลจะจัดงาน "รัฐบาลพบประชาชน ทุนเพื่อคุณภาพชีวิต" ขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อเผยแพร่ผลงานของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา รวม 11 โครงการเพื่อให้ประชาชนเข้าใจและเข้าถึงได้โดยเฉพาะรายละเอียดของกองทุนต่างๆ ที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เช่น กองทุนหมู่บ้าน กองทุนสุขภาพ กองทุนตั้งตัวได้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นต้น



  งานดังกล่าวจะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ โดยในต่างจังหวัดใช้งบประมาณจากกระทรวงมหาดไทย 3-5 แสนบาทต่อจังหวัด และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการกระทรวงการคลังระดับ 9 ขึ้นไปเป็นผู้ควบคุมการจัดงาน ขณะที่ใน กทม.จัดงานที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ใช้งบประมาณ 7 ล้านบาท โดยมีนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขานุการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ควบคุมการจัดงานใน กทม.รวมงบประมาณที่ใช้ในการจัดงานครั้งนี้กว่า 380 ล้านบาท

 "ใน กทม.จะจัดงานใหญ่โดยมีนายกฯ เป็นประธานในพิธีเปิดงานและมี ครม.พร้อมผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานรัฐและเอกชนร่วมเข้าร่วมพิธีเปิดงานด้วย แม้ว่าที่ผ่านมานายกฯ ได้ชี้แจงผลงานรัฐบาลผ่านรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนเป็นประจำทุกวันเสาร์แล้ว แต่กิจกรรมนี้จะเป็นตัวเสริมให้ประชาชนในแต่ละภูมิภาคได้รับทราบและเห็นผลงานที่ชัดเจนด้วยตัวเอง รวมถึงเปิดโอกาสให้ได้มีส่วนร่วมกับนโยบายในด้านอื่นๆ ของรัฐบาลในอนาคตอีกด้วย" นายทนุศักดิ์กล่าว  

ลั่นรถคันแรกไม่จำกัดจำนวน
 นอกจากนั้น ภายในงานยังมีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้า และการเปิดจองรถยนต์จากผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการรถคันแรก ที่ขอย้ำว่ารัฐบาลพร้อมรับได้ทั้งหมดแม้จะมีประชาชนมาขอใช้สิทธิ์รถคันแรกเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวก็ตาม ซึ่งมากกว่า 5แสนคันรัฐบาลก็พร้อมดำเนินการต่อไป ซึ่งขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าผู้ที่จองรถคันแรกตามเงื่อนไขแล้วต้องนำไปยื่นเอกสารต่อกรมสรรพสามิตและเมื่อรับรถแล้วต้องนำไปตรวจสอบรายละเอียด เพื่อคืนเงินตามเงื่อนไขต่อไป

 "แม้จะมียอดจองรถคันแรกเกินเป้าหมาย 5 แสนคันก็จะไม่กระทบกับสถานะทางการคลังของรัฐบาล เนื่องจากการคืนภาษีเป็นการทยอยคืนให้หลังจากที่ครอบครองรถแล้วเป็นเวลา 1 ปี"

 แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยโครงการรถคันแรกมีผู้ยื่นขอเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ โดยในปีหน้า รัฐบาลตั้งงบไว้เพียง 2 พันล้านบาท จากที่ขอไป 9,000 ล้านบาท ซึ่งหากมีผู้ขอคืนภาษีเกินกว่างบประมาณ รัฐบาลให้ไปใช้งบกลาง

 ก่อนหน้านี้ กรมสรรพสามิตระบุว่ายอดคนขอเข้าโครงการรถคันแรกประมาณ 1 แสนคัน
ต่ออายุมาตรการเว้นภาษีดีเซลอีก 1 เดือน

 นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไปอีก 1 เดือน จากที่สิ้นสุดเดือน ส.ค.นี้ เป็นวันที่ 30 ก.ย. 2555 เพื่อช่วยลดค่าครองชีพด้านการเดินทางให้ประชาชน หลังพบว่าราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปัจจุบันยังคงมีราคาสูง

 หากปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันดีเซลในระยะนี้ จะทำให้ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยรัฐจะต้องสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีไปประมาณ 9,000 ล้านบาท

ดันเหล้าขึ้นราคา 10-20 บาท
 แหล่งข่าวจาก วงการผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายกลาง กล่าวว่า จากการจัดเก็บภาษีสุราในครั้งนี้ จะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยล้านบาท มีนัยสำคัญสำคัญ 2 ประการ คือ ต้องการชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปจากนโยบายต่างๆ เช่น โครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก และต้องการทำให้เห็นเรื่องความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรมในช่วงที่ผ่านมา

            ขณะที่ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่กระทบ เพราะไปจัดเก็บจากสุราผสมและสุรากลั่น (เหล้าขาว) ซึ่งจะทำให้ราคาขายปรับขึ้นเฉลี่ยขวดละ 10 บาทสำหรับสุรากลั่น และเพิ่มขึ้น 15-20 บาทสำหรับสุราผสม ส่วนเรื่องการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีเชื่อว่ามาเกิดขึ้น เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวิสกี้ ที่มีการปรับภาษีไปก่อนหน้านี้แล้ว

 แหล่งข่าว ยืนยันว่าผู้ที่เสียประโยชน์และได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีสุราในครั้งนี้ คือ แบรนด์ผู้นำตลาด เช่น เบลน 285 รีเจนซี หงษ์ทอง และมังกรทอง ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น และต้องปรับราคาขายให้สูงขึ้นตามฐานภาษีใหม่

          "อย่างไรก็ตาม การปรับภาษีในช่วงนี้ อาจทำให้รัฐมีรายได้น้อย เพราะอยู่ในช่วงเข้าพรรษาเป็นช่วงที่ผู้บริโภคสุราน้อยอยู่แล้ว แต่หลังช่วงออกพรรษาจะทำให้รัฐมีรายได้มากขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การทำธุรกิจเลี้ยงหมู

การทำธุรกิจเลี้ยงหมู


การจัดการพ่อสุกร

          พ่อสุกรที่จะนำมาใช้เป็นพ่อพันธุ์ ควรมีอายุ 8 เดือนขึ้นไป ให้อาหารโปรตีน 16 % ให้กินอาหารวันละ 2 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสภาพของพ่อสุกรด้วยว่าไม่อ้วนและผอมเกินไป



การจัดการแม่สุกร

          ให้อาหารโปรตีน 16% ให้กินอาหารวันละ 2 กิโลกรัม แม่สุกรสาวควรมีอายุ 7-8 เดือน น้ำหนัก 100-120 กิโลกรัม จึงนำมาผสมพันธุ์ (เป็นสัดครั้งที่ 2-3) ผสมพันธุ์ 2 ครั้ง (เช้า-เช้า , เย็น-เย็น) เมื่อผสมพันธุ์แล้วควรลดอาหารให้เหลือ 1.5-2 กิโลกรัม เมื่อตั้งท้องได้ 90-108 วัน ควรเพิ่มอาหารเป็น 2-2.5 กิโลกรัม และเมื่อตั้งท้องได้ 108 วันคลอดลูก ให้ลดอาหารลงเหลือ 1-1.5 กิโลกรัม (ปกติสุกรจะตั้งท้องประมาณ 114 วัน) แม่สุกรควรอยู่ในสภาพปานกลาง คือ ไม่อ้วน หรือผอมเกินไป แม่สุกรจะให้ลูกดีที่สุดในครอกที่ 3-5 และควรคัดแม่สุกรออกในครอกที่ 7 หรือ8 (แม่สุกรให้ลูกเกินกว่าครอก ที่ 7 ขึ้นไป มักจะให้จำนวนลูกสุกรแรกคลอด มีชีวิต และจำนวนสุกรหย่านมลดลง)

การจัดการแม่สุกรก่อนคลอด ระวังอย่าให้แม่สุกรเจ็บป่วยหรือท้องผูก ควรจัดการ ดังนี้
     แม่สุกรก่อนคลอด 7 วัน ให้อาบน้ำด้วยสบู่ทำความสะอาดแม่สุกร โดยเฉพาะราวนม บั้นท้าย อวัยวะเพศ แล้วพ่นอาบด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค (ละลายน้ำ ตามอัตราส่วน) และพ่นยาพยาธิภายนอก แล้วนำเข้าคอกคลอด

     ก่อนแม่สุกรคลอด 4 วัน ควรลดอาหารลงเหลือ 1-1.5 กิโลกรัม/วัน ควรผสมรำละเอียดเพิ่มอีก 20 % ในอาหาร โดยให้แม่สุกรกิน 4-6 วันก่อนคลอด หรือผสมแม็กนีเซียมซัลเฟต (ดีเกลือ) ประมาณ 10 กรัม โดยคลุกอาหารให้ทั่วให้แม่สุกรกินวันละครั้ง 1-3 วันก่อนคลอด เพื่อป้องกันแม่สุกรท้องผูก ช่วยลดปัญหาแม่สุกรคลอดยาก

     ดูแลแม่สุกรอย่างใกล้ชิด อย่าให้แม่สุกรป่วย เช่น สังเกตรางอาหารว่าแม่สุกรกินอาหารหมดหรือไม่ ถ่ายอุจจาระเป็นเม็ดกระสุน ท้องเสีย หอบแรง เป็นต้น ถ้าแม่สุกรป่วยก็ควรรักษาตามอาการ
     คอกคลอด ก่อนนำแม่สุกรเข้าคอกคลอด คอกคลอดต้องสะอาด ราดหรือพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และโรยปูนขาว ต้องมีอาการพักคอกไว้อย่างน้อย 7 วัน ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรของเชื้อโรค

การจัดการลูกสุกรเมื่อคลอด

          แม่สุกรก่อนคลอด 24 ชั่วโมง จะมีน้ำนมไหลออกมาจากเต้านม ลูกสุกรแรกคลอดควรดูแลปฏิบัติ ดังนี้
     ใช้ผ้าที่สะอาดหรือฟางเช็ดตัวลูกสุกรให้แห้ง ควักเอาน้ำเมือกในปากและในจมูกออก
     การตัดสายสะดือ ใช้ด้ายผูกสายสะดือให้ห่างจากพื้นท้องประมาณ 1-2 นิ้ว ตัดสายสะดือด้วยกรรไกร ทารอยแผลด้วยทิงเจอร์ไอโอดีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค
     ตัดเขี้ยวออกให้หมด (เขี้ยวมี 8 ซี่ ข้างบน 4 ซี่ ข้างล่าง 4 ซี่ ) เพื่อป้องกันลูกสุกรกัดเต้านมแม่สุกรเป็นแผลในขณะแย่งดูดนม
     รีบนำลูกสุกรกินนมน้ำเหลืองจากเต้านมแม่สุกรในนมน้ำเหลืองจะมีสารอาหาร และภูมิคุ้มกันโรค ปกตินมน้ำเหลืองจะมีอยู่ประมาณ 36 ชั่วโมง หลังคลอด จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นน้ำนมธรรมดา

การจัดการลูกสุกรแรกคลอด-หย่านม

     ลูกสุกรในระยะ 15 วันแรก ต้องการความอบอุ่น ต้องจัดหา
     ลูกสุกรอายุ 1-3 วัน ให้ฉีดธาตุเหล็กเข้ากล้ามเนื้อตัวละ 2 ซี.ซี เพื่อป้องกันโรคโลหิตจาง
     ลูกสุกรอายุ 10 วัน เริ่มให้อาหารสุกรนมหรืออาหารสุกรอ่อน (อาหารเลียราง) เพื่อฝึกให้ลูกสุกรกินอาหาร โดยให้กินทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง
     ลูกสุกรทั่วไปหย่านมเมื่ออายุ 28 วัน (4 สัปดาห์)

ไฟกกลูกสุกร
กล่องกระสอบ


การจัดการลูกสุกรเมื่อหย่านม

     หย่านมลูกสุกรเมื่ออายุ 28 วัน น้ำหนักประมาณ 6 กิโลกรัม ควรย้ายแม่สุกรออกไปก่อนให้ลูกสุกรอยู่ในคอกเดิมสัก 3-5 วัน แล้วจึงย้ายลูกออกไปคอกอนุบาล เพื่อป้องกันลูกสุกรเครียด และควรใช้วิตามินหรือยาปฏิชีวนะละลายน้ำให้ลูกสุกรกินหลังจากหย่านมประมาณ 3-5 วัน
     ลูกสุกรอายุ 6 สัปดาห์ ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์สุกรและฉีดวัคซีนซ้ำทุก ๆ 6 เดือน ในสุกรพ่อแม่พันธุ์(วัคซีนมีความคุ้มโรคได้ประมาณ 6-12 เดือน)
     ลูกสุกรอายุ 7 สัปดาห์ ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย่ และฉีดวัคซีนซ้ำทุก ๆ 4-6 เดือน ในสุกรพ่อแม่พันธุ์ (วัคซีนมีความคุ้มโรคได้ประมาณ 4-6 เดือน)
     ลูกสุกรอายุ 2 เดือนครึ่ง ควรให้ยาถ่ายพยาธิ และให้ซ้ำหลักจากให้ครั้งแรก 21 วัน ในสุกรพ่อแม่พันธุ์ควรถ่ายพยาธิทุก ๆ 6 เดือน

การจัดการแม่สุกรหลังคลอด

     ฉีดยาปฏิชีวนะ ให้แม่สุกรหลังคลอดทันทีติดต่อกันเป็นเวลา 1-2 วัน เพื่อป้องกันมดลูกอักเสบ (ยาเพนสเตร็ป, แอมพิซิลิน, เทอร์รามัยซิน เป็นต้น

     หลังคลอด 1-3 วัน ควรให้อาหารแม่สุกรน้อยลง(วันละ 1-2 กิโลกรัม) และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนให้อาหารเต็มที่เมื่อหลังคลอด 14 วัน (ให้อาหารวันละ 4-6 กิโลกรัม) จนกระทั่งแม่สุกรหย่านม ระวังอย่าให้แม่สุกรผอมเมื่อหย่านม ซึ่งจะมีผลทำให้แม่สุกรไม่สมบูรณ์พันธุ์ และโทรมมาก แม่สุกรหลังหย่านมควรขังรวมกันคอกละประมาณ 2-5 ตัว (ขนาดใกล้เคียงกัน) เพื่อให้เกิดความเครียดจะเป็นสัดง่ายและจะเป็นสัดภายใน 3-10 วัน ถ้าแม่สุกรเป็นสัดทำให้การผสมพันธุ์ได้เลย

     ปัญหาแม่สุกรไม่เป็นสัด สุกรสาวหรือเม่สุกรหลังจากหย่านมแล้วไม่เป็นสัด หรือเป็นสัดเงียบ จะพบเห็นได้บ่อย ๆ มีวิธีแก้ไข ดังนี้

              1. ต้อนแม่สุกรมาขังรวมกัน เพื่อให้เกิดความเครียด
              2. เลี้ยงพ่อสุกรอยู่ใกล้ ๆ หรือให้พ่อสุกรเข้ามาสัมผัสแม่สุกรบ้าง .

การผสมพันธุ์เพื่อให้ได้ลูกดก

              1. คัดเลือกสายแม่พันธุ์ เช่น ควรใช้แม่พันธุ์ เช่น ควรใช้แม่พันธุ์ลาร์จไวท์ แม่พันธุ์แลนด์เรซ หรือลูกผสมแลนด์เรซ-ลาร์จไวท์
              2. ผสมเมื่อแม่สุกรเป็นสัดเต็มที่ ซึ่งจะทำให้ไข่ตกมากจะอยู่ช่วงวันที่ 2-3 ของการะเป็นสัด ผสม 2 ครั้ง ห่างกัน 24 ชี่วโมง (เช้า-เช้า , เย็น-เย็น)

              3. ถ้ามีพ่อสุกรหลายตัว และผลิตสุกรขุนเป็นการค้าควรใช้พ่อสุกร
              4. แม่สุกรหลังจากหย่านมแล้ว 1 วัน ควรเพิ่มอาหารให้จนกระทั่งเป็นสัด โดยให้อาหารวันละ 3-4 กิโลกรัม (ไม่เกิน 15 วัน) เพื่อทำให้ไข่ตกมากขึ้น และเมื่อผสมพันธุ์แล้ว ให้ลดอาหารแม่สุกรลงเหลือวันละ 1.5-2 กิโลกรัม ตามปกติ

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความรู้เกี่ยวกับภาษีป้ายโฆษณาที่ควรรู้


ความรู้เกี่ยวกับภาษีป้ายโฆษณาที่ควรรู้

1.1 ป้ายที่ต้องเสียภาษี
ป้ายที่ต้องเสียภาษีได้แก่ป้ายที่แสดงชื่อ ยี่ห้อหรือเครื่องหมาย ที่ใช้ในการประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่น เพื่อหารายได้หรือโฆษณาการค้าหรือกิจการอื่นเพื่อหารายได้ ไม่ว่าจะได้แสดงหรือโฆษณาไว้ที่วัตถุใด ๆ ด้วยอักษร ภาพหรือเครื่องหมายที่เขียน แกะสลัก จารึก หรือทำให้ปรากฏด้วยวิธีอื่น



1.2 ป้ายที่ไม่ต้องเสียภาษี

(1) ป้ายที่แสดงไว้ ณ โรงมหรสพและบริเวณของโรงมหรสพนั้นเพื่อโฆษณามหรสพ
(2) ป้ายที่แสดงไว้ที่สินค้าหรือที่สิ่งหุ้มห่อหรือบรรจุสินค้า
(3) ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
(4) ป้ายที่แสดงไว้ที่คนหรือสัตว์
(5) ป้ายที่แสดงไว้ภายในอาคารที่ใช้ประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่นหรือภายในอาคารซึ่งเป็นที่รโหฐาน
ทั้งนี้ เพื่อหารายได้ และแต่ละป้ายมีพื้นที่ไม่เกิน 3 ตารางเมตรที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่รวมถึงป้ายตาม
กฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์
(6) ป้ายของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาคหรือราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหาร
ราชการแผ่นดิน
(7) ป้ายขององค์การที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือตามกฎหมายว่าด้วยการ
นั้น ๆ และหน่วยงานที่นำรายได้ส่งรัฐ
(8) ป้ายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการสหกรณ์
และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(9) ป้ายของโรงเรียนเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วย

สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่แสดงไว้ ณ อาคารหรือบริเวณของโรงเรียนเอกชน หรือสถาบัน อุดมศึกษาเอกชนนั้น

(10) ป้ายของผู้ประกอบการเกษตรซึ่งค้าผลผลิตอันเกิดจากการเกษตรของตน
(11) ป้ายของวัดหรือผู้ดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนา หรือการกุศลสาธารณะโดยเฉพาะ
(12) ป้ายของสมาคมหรือมูลนิธิ
(13) ป้ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (ปัจจุบันมีฉบับที่ 2) กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535) ให้เจ้าของป้ายไม่
ต้องเสียภาษีป้ายสำหรับ
     (ก) ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รถบดถนนหรือรถแทรกเตอร์ ตามกฎหมาย
ว่าด้วยรถยนต์
(ข) ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ล้อเลื่อน ตามกฎหมายว่าด้วยล้อเลื่อน
(ค) ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ยานพาหนะนอกเหนือจาก (ก) และ (ข) โดยมีพื้นที่ไม่เกินห้าร้อยตารางเซนติเมตร

  1.3 ผู้มีหน้าที่เสียภาษี
 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายคือ เจ้าของป้าย       แต่ในกรณีที่ปรากฏแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีผู้ยื่นแบบแสดงราย
การภาษีป้าย    (ภ.ป.1) สำหรับป้ายใดเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจหาตัวเจ้าของป้ายนั้นได้ให้ถือว่าผู้ครอบ
ครองป้ายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย ถ้าไม่อาจหาตัวผู้ครอบครองป้ายนั้นได้ให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบ
ครองอาคาร  หรือที่ดินที่ป้ายนั้นติดตั้งหรือแสดงอยู่เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายตามลำดับและให้พนักงานเจ้าหน้า

ที่แจ้งการประเมินภาษีเป็นหนังสือไปยังบุคคลดังกล่าว
  1.4 กำหนดระยะเวลาให้ยื่นแบบแสดงรายการ
ให้เจ้าของป้ายซึ่งจะต้องเสียภาษีป้าย ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายตามแบบและวิธีการที่กระทรวงมหาดไทย
กำหนด ภายในเดือนมีนาคมของปี ให้เจ้าของป้ายมีหน้าที่เสียภาษีป้ายโดยเสียเป็นรายปี ยกเว้นป้ายที่เริ่มติดตั้ง
หรือแสดงในปีแรกให้เสียภาษีป้ายตั้งแต่วันเริ่มติดตั้ง หรือแสดงจนถึงวันสิ้นปี และให้คิดภาษีป้ายเป็นรายงวด
งวดละสามเดือนของปี โดยเริ่มเสียภาษีป้ายตั้งแต่งวดที่ติดตั้งป้ายจนถึงงวดสุดท้ายของปี ทั้งนี้เป็นไปตาม
อัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง ป้ายที่ติดตั้งบนอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลอื่นและมีพื้นที่เกินสองตารางเมตร

ต้องมีชื่อและที่อยู่ของเจ้าของป้าย เป็นตัวอักษรไทยที่ชัดเจนที่มุมขวาด้านล่างของป้ายและให้ข้อความดังกล่าว

ได้รับยกเว้นภาษีป้าย ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่เจ้าของป้ายอยู่นอกประเทศ
ไทย ให้ตัวแทน หรือผู้แทนในประเทศ มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายแทนเจ้าของป้าย ถ้าเจ้าของ

ป้ายตาย เป็นผู้ไม่อยู่เป็นคนสาบสูญ เป็นคนไร้ความสามารถหรือเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถให้ผู้จัดการมรดก ผู้ครอบครองทรัพย์มรดกไม่ว่าจะเป็นทายาทหรือผู้อื่น ผู้จัดการทรัพย์สิน ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์แล้วแต่กรณี


มีหน้าที่ปฏิบัติการแทนเจ้าของป้าย เจ้าของป้ายผู้ใด
(1)   ติดตั้งหรือแสดงป้ายอันต้องเสียภาษีภายหลังเดือนมีนาคม ให้เสียเป็นรายงวด
(2)   ติดตั้งหรือแสดงป้ายใหม่แทนป้ายเดิม และมีพื้นที่ ข้อความ ภาพและเครื่องหมายอย่างเดียวกับป้ายเดิมที่
ได้เสียภาษีป้ายแล้วป้ายชำรุดไม่ต้องชำระเฉพาะปีที่ติดตั้ง
(3)   เปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้าย ข้อความ ภาพ หรือเครื่องหมายบางส่วนในป้ายที่ได้เสียภาษีป้ายแล้ว
อันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีป้ายเพิ่ม ป้ายที่เพิ่มข้อความชำระตามประเภทป้ายเฉพาะส่วนที่เพิ่มป้ายที่ลดขนาด
ไม่ต้องคืนเงินภาษีในส่วนที่ลด ถ้าเปลี่ยนขนาดต้องชำระใหม่ ให้เจ้าของป้ายตาม (1) (2) หรือ (3) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสิบห้าวันนับ
แต่วันที่ติดตั้งหรือแสดงป้าย หรือนับแต่วันเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อความ ภาพ หรือเครื่องหมายป้ายเดิมแล้ว
แต่กรณี

  1.5 ฐานภาษีและอัตราภาษี

ฐานภาษีและอัตรา คือเนื้อที่ของป้ายและประเภทของป้ายรวมกัน ถ้าเป็นป้ายที่มีขอบเขตกำหนดได้ การคำนวณ

พื้นที่ป้ายให้เอาส่วนกว้างที่สุดคูณด้วยส่วนยาวที่สุดเป็นขอบเขตของป้าย ถ้าเป็นป้ายที่ไม่มีขอบเขตกำหนดได้

ให้ถือเอาตัวอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายที่อยู่ริมสุดเป็นขอบเขตสำหรับกำหนดส่วนที่กว้างที่สุดและยาวที่สุด

แล้วคำนวณเป็นตารางเซนติเมตร เศษของ 500 ตารางเซนติเมตรถ้าเกินครึ่ง ให้นับเป็น 500 ตารางเซนติเมตร

ถ้าต่ำกว่าปัดทิ้ง ประกอบกับประเภทของป้าย คำนวณเป็นค่าภาษีป้ายที่ต้องชำระ โดยกำหนดอัตราภาษีป้ายดังนี้

(1) ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน คิดอัตรา 3 บาท ต่อห้าร้อยตารางเซนติเมตร
(2) ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ และหรือปนกับภาพ     และหรือเครื่องหมายอื่นให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อห้าร้อยตารางเซนติเมตร

(3) ป้ายดังต่อไปนี้ ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อห้าร้อยตารางเซนติเมตร
       (ก) ป้ายที่ไม่มีอักษรไทย ไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใด หรือไม่
       (ข)   ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
(4) ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้าย ข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายบางส่วนในป้าย
ที่ได้เสียภาษีแล้วอันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีป้ายเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตราตาม (1) (2) หรือ (3) แล้วแต่กรณี และให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น

(5) ป้ายทุกประเภทเมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้ว ถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้ายละ    200 บาท  ให้เสียภาษีป้ายละ 200 บาท

2. ขั้นตอนการยื่นเสียภาษี
ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายสามารถขอรับแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1) ได้ที่สำนักงานเขตโดยไม่คิดมูลค่า
กรอกรายการในแบบ ภ.ป.1 ตามความเป็นจริงให้ครบถ้วน ลงลายมือชื่อของตนพร้อมวันเดือน ปี ส่งคืนพนักงาน
เจ้าหน้าที่แห่งท้องที่ที่ป้ายนั้นได้ติดตั้งหรือแสดงไว้ ทั้งนี้จะนำส่งด้วยตนเอง มอบหมายให้ผู้อื่นไปส่งแทนหรือ
ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ได้ให้เจ้าของป้ายหรือผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายยื่นแบบ
แสดงรายการภาษป้ายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สำนัก
งานเขตที่ป้ายนั้นติดตั้งหรือแสดงอยู่ สำหรับป้ายที่แสดงไว้ที่ยานพาหนะที่ต้องเสียภาษี ให้ยื่น ณ สำนักงาน
เขตซึ่งการจดทะเบียนยานพาหนะได้กระทำในท้องที่นั้น
2.1 เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบการยื่นแบบฯ
กรณีป้ายใหม่ ให้เจ้าของป้ายยื่นแบบเสียภาษี พร้อมสำเนาหลักฐานและลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง ได้แก่
- ใบอนุญาตติดตั้งป้าย, ใบเสร็จรับเงินค่าทำป้าย
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรข้าราชการ / บัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ/บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี
- กรณีเจ้าของป้ายเป็นนิติบุคคลให้แนบหนังสือรับรองสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท,ทะเบียนพาณิชย์และ
หลักฐานของสรรพากร เช่น ภ.พ.01, ภ.พ.09, ภ.พ.20
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่สามารถยื่นแบบได้ด้วยตนเอง พร้อมติดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย)
- หลักฐานอื่น ๆ ตามที่เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ
กรณีป้ายเก่า ให้เจ้าของป้ายยื่นแบบเสียภาษีป้าย (ภ.ป. 1) พร้อมใบเสร็จรับเงินการเสียภาษีครั้งสุดท้าย กรณีเจ้าของป้ายเป็นนิติบุคคลให้แนบหนังสือรับรองสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทพร้อมกับการยื่นแบบ
ภ.ป. 1
2.2 การชำระภาษี
ผู้รับประเมินได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษี (ภ.ป.3) ให้ชำระเงินภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
การประเมินโดยชำระภาษีได้ที่สำนักงานเขต ซึ่งป้ายนั้นตั้งอยู่หรือที่กองการเงิน สำนักการคลัง ศาลาว่า
การกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) การชำระภาษีป้ายจะกระทำโดยส่งธนาณัติหรือตั๋วแลกเงินของ
ธนาคารที่สั่งจ่ายแก่กรุงเทพมหานครก็ได้ โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน และให้ถือว่าวันที่ได้ทำการส่ง
ดังกล่าวเป็นวันชำระภาษีป้าย
 2.3 การขอผ่อนชำระภาษี
ถ้าภาษีป้ายที่ต้องชำระมีจำนวนตั้งแต่สามพันบาทขึ้นไป ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายจะขอผ่อนชำระเป็นสามงวด
งวดละเท่า ๆ กันก็ได้ โดยแจ้งความจำนงเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนครบกำหนดเวลาชำระ
ภาษี และให้ชำระงวดที่หนึ่งก่อนครบกำหนดเวลาชำระภาษีงวดที่สองภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้าย
ที่ต้องชำระงวดที่หนึ่งและงวดที่สามภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันสุดท้ายที่ต้องชำระงวดที่สอง
2.4 เงินเพิ่ม
ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย เสียเงินเพิ่มนอกจากเงินที่ต้องเสียภาษีป้ายในกรณีและอัตราดังนี้
(1) ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายในเวลาที่กำหนด ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละสิบของจำนวนเงินที่ต้อง
เสียภาษีป้ายเว้นแต่กรณีที่เจ้าของป้ายได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายก่อนที่พนักงานเจ้าหน้าที่จะได้แจ้ง
ให้ทราบถึงการละเว้นนั้น ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละห้าของจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีป้าย
(2) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายโดยไม่ถูกต้องทำให้จำนวนเงินที่จะต้องเสียภาษีลดน้อยลง ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละสิบของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติมเว้นแต่กรณีที่เจ้าของป้ายได้มาขอแก้ไขแบบแสดง
รายการภาษีป้ายให้้ถูกต้องก่อนที่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการประเมิน
(3) ไม่ชำระภาษีป้ายภายในเวลาที่กำหนด ให้เสียเงินเพิ่มร้อยละสองต่อเดือนของจำนวนเงินที่ต้องเสีย
ภาษีป้ายเศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน ทั้งนี้ไม่ให้นำเงินเพิ่มตาม (1) และ (2) มาคำนวณเป็นเงินเพิ่ม
2.5 การอุทธรณ์
เมื่อผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายได้รับแจ้งการประเมินแล้ว หากเห็นว่าการประเมินนั้นไม่ถูกต้องมีสิทธิอุทธรณ์
การประเมินต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยยื่นอุทธรณ์ผ่านพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ฝ่ายรายได้สำนักงาน
เขตท้องที่ซึ่งยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ โดยต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน
ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันหรือไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกไม่ยอมให้ถ้อยคำหรือไม่ยอม
ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยไม่มีเหตุอันสมควรผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ซึ่งผู้ว่า
ราชการกรุงเทพมหานครมอบหมายมีอำนาจยกอุทธรณ์นั้นเสียได้ เมื่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้วินิจฉัยอุทธรณ์เสร็จและแจ้งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยเหตุผลเป็นหนังสือ
ไปยังผู้อุทธรณ์ หากผู้อุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อุทธรณ์มีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยฟ้องเป็นคดีต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ เว้นแต่ในกรณีที่เป็นการยกอุทธรณ์ดังได้กล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตามการอุทธรณ์นั้นไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษีป้าย เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากผู้ว่า ราชการกรุงเทพมหานครว่าให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาของศาลเสียก่อน

2.6 การขอคืนเงินค่าภาษี
ในกรณีที่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลให้มีการลดจำนวนเงินที่ได้ประเมิน
ไว้ให้แจ้งผู้มีหน้าที่เสียภาษีทราบโดยเร็วเพื่อมาขอรับเงินคืนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ผู้ใดเสียภาษีป้ายโดยไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีหรือเสียเกินกว่าที่ควรต้องเสียมีสิทธิได้รับเงินคืนโดย
ยื่นคำร้องขอคืนภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ได้ชำระเงินค่าภาษี
2.7 บทกำหนดโทษ
ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ให้ถ้อยคำเท็จตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ
หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีป้าย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดจงใจไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้า
หมื่นบาท ผู้ใดไม่ปฏิบัติดังนี้คือป้ายที่ติดตั้งบนอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลอื่น และมีพื้นที่เกินสอง
ตารางเมตรต้องมีชื่อและที่อยู่เจ้าของป้ายเป็นตัวอักษรไทยที่ชัดเจนที่มุมขวาด้านล่างของป้าย ต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งร้อยบาทเรียงรายวันตลอดระยะเวลาที่กระทำความผิด
ผู้ใดไม่แจ้งการรับโอนป้ายคือให้ผู้รับโอนแจ้งการรับโอนเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภาย
ในสามสิบวันนับแต่วันรับโอน หรือไม่แสดงการเสียภาษีป้าย (ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายแสดงหลัก
ฐานการเสียภาษีป้ายไว้ ณที่เปิดเผยในสถานที่ประกอบการค้าหรือประกอบกิจการ) ต้องระวางโทษ
ปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติการของพนักงาน
เจ้าหน้าที่ โดยไม่ให้เข้าไปในสถานที่ประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่นเพื่อหา
รายได้ของผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย หรือบริเวณที่ต่อเนื่องกับสถานที่ดังกล่าว หรือสถานที่ที่เกี่ยว
ข้องกับการจัดเก็บภาษีป้ายในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกหรือในเวลา
ทำการเพื่อตรวจสอบว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายได้ปฏิบัติการถูกต้อง
ตามพระราชบัญญัติหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียก
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายมาให้ถ้อยคำหรือให้ส่งบัญชีหรือเอกสารเกี่ยวกับภาษีป้ายมาตรวจสอบ ภายในกำหนดเวลาอันสมควรต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาท
ถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราช
บัญญัติเป็นนิติบุคคล กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นต้องรับโทษตาม
ที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้รู้เห็นหรือยินยอมในการ
กระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น
 
ที่มา : พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510
: พระราชบัญญัติภาษีป้าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534
: กฎหมายกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2535) ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2535)
 และฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิธีการเล่นเเชร์กฏกติกามารยาทในการเล่นเเชร์

วิธีการเล่นเเชร์กฏกติกามารยาทในการเล่นเเชร์


         ความตกต่ำทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเมื่อใด  เราก็จะพบเห็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจรูปแบบต่าง ๆ สร้างความเสียหายแก่ประชาชน  กรณีที่เห็นชัด  คือ  การกลับมาระบาดของแชร์ลูกโซ่และตกเป็นข่าวแทบจะทุกสื่อในเวลานี้  โดยเฉพาะแชร์ข้าวสาร  และแชร์ก๋วยเตี๋ยวบางกอก  ล่าสุดทางการออกมาเตือนให้ระวังธุรกิจแฟรนไชส์กว่า  400  รายที่อาจเข้าเป็นข่ายแชร์ลูกโซ่

                                วิธีการของแชร์ลูกโซ่เป็นอย่างไร  ทำไมจึงสามารถหลอกลวงให้ประชาชนตกเป็นเยื่อได้ในวงกว้างและเราจะมีวิธีการพิจารณาลักษณะธุรกิจที่เป็นแชร์ลูกโซ่ออกจากธุรกิจโดยทั่วไปได้อย่างไร



                                ลักษณะธุรกิจแชร์ลูกโซ่ :  ประมาณ  20  ปีก่อน  มีตัวอย่างการล้มละลายของแชร์ลูกโซ่  ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมาก  คือ  การล้มละลายของแชร์น้ำมัน  หรือ  แชร์แม่ชม้อย  หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดการล้มละลายของบริษัท  บริดเชอร์  คอร์เปอร์เรชั่น  และเมื่อปี  2548  บริษัท  กรีนแพลนเนท  เป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่อีกรายที่เกิดปัญหาล้มละลาย

                                จากปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดกฎหมาย  พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน  พ.ศ. 2527  ซึ่งระบุไว้ชัดเจนในมาตรา  4  ว่า  “  ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏแก่

ประชาชนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไป  ในการกู้ยืมเงิน  ตนหรือบุคคลอื่นใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงิน  ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยให้กู้ยืมเงินของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้

 โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน  หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า  ตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้  และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไปผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ”
            และมาตรา  12  บัญญัติว่า  “  ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา  4  หรือมาตรา  5  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่  5  ปี  ถึง  10  ปี  และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท  และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ”

                                วิวัฒนาการแชร์ลูกโซ่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปอยู่ในรูปธุรกิจขายตรง  ( Multi  Level Marketing : MLM )  ซึ่งในหลายบริษัทอาจใช้คำอื่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น การตลาดแบบระบบเครือข่าย  ( Network Marketing )  และแชร์ลูกโซ่บางแห่งในปัจจุบันแฝงตัวอยู่ในธุรกิจแฟรนไชส์


                                รูปแบบการทำงานของธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่เน้นการหาสมาชิกเพื่อมาร่วมลงทุนตามแบแผนธุรกิจ  ซึ่งส่วนมากลักษณะแผนธุรกิจของบริษัทประเภทนี้แทบจะไม่ต่างกัน  แต่อาจจะเปลี่ยนแค่รูปแบบโดยใช้สินค้าหรือบบริการที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น  แต่ในความเป็นจริงการซื้อขายสินค้าเป็นเครื่องบังหน้าเพื่อเลี่ยงกฎหมายเท่านั้น
                                การพิจารณาว่าธุรกิจเป็นแชร์ลูกโซ่ :  ธรรมชาติของกิจกรรมการผลิตหรือการประกอบธุรกิจใดก็ตาม  จะสามารถนำทรัพยากรมาผลิตสินค้าและบริการได้นั้น  จะอาศัยส่วนผสมของปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์แบ่งออกเป็น  4  ปัจจัยด้วยกัน  คือ  ที่ดิน  ทุน  แรงงาน  และผู้ประกอบการ
                                แชร์ลูกโซ่นั้นต่างจากการเล่นแชร์  เนื่องจากการเล่นแชร์นั้นมีกฎหมายรองรับ คือ  พระราชบัญญัติการเล่นแชร์  พ.ศ.2534  ซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา  4  ว่า

                                “  การเล่นแชร์  หมายความว่า  การที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตกลงกันเป็นสมาชิกวงแชร์  โดยแต่ละคนมีภาระที่จะส่งเงินหรือทรัพย์สินอื่นใด  รวมเข้าเป็นกองทุนกลางเป็นงวด ๆ เพื่อให้สมาชิกวงแชร์หมุนเวียนกันรับทุนกองกลางแต่ละงวดนั้นไปโดยการประมูลหรือโดยวิธีอื่นใด และให้หมายความรวมถึงการรวมทุนในลักษณะอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย ”

                                ซึ่งการเล่นแชร์นั้นกฎหมายอนุญาตให้เล่นได้โดยมีข้อห้ามอยู่ในมาตรา  6  โดยบัญญัติว่า  “  ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่ลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
                                (๑) เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวง
                                (๒) มีจำนวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงมากกว่าสามสิบคน

                                (๓) มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

                                (๔) นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์นั้นได้รับประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่จะได้รับทุนกองกลางในการเข้าร่วมเล่นแชร์ในงวดหนึ่งงวดใดได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
                                เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้  ให้ถือว่าผู้ที่สัญญาว่าจะใช้เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดแทนนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ เป็นนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ด้วย ”

                                ดังนั้นคงพอเข้าใจความแตกต่างระหว่างการเล่นแชร์ กับ แชร์ลูกโซ่นะครับ  แล้วอย่าตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ก็แล้วกัน

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข้อดี ข้อเสีย การเป็นตัวเเทนกิฟฟารีน

ข้อดี ข้อเสีย การเป็นตัวเเทนกิฟฟารีน



บทความน่าสนใจ

เปิดกลยุทธ์ “กิฟฟารีน” ถึงจุดเปลี่ยน ตอบโจทย์ให้ตรงใจผู้บริโภค

 จากมูลค่าตลาดขายตรงที่มีกว่า 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ขายตรงเป็นหนึ่งในไม่กี่ธุรกิจที่เริ่มคึกคักมาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ในวันนี้จะพบเห็นผู้ประกอบการรายเก่าและใหม่ ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์นอกต่างก็งัดกลยุทธ์ในรูปแบบต่างๆ เข้าสู้ เพื่อหวังที่จะเข้ามาแชร์ตลาดขายตรงให้ได้มากที่สุด
     
       และเมื่อกล่าวถึงธุรกิจขายตรงแล้ว ชื่อของ “พ.ญ.นลินี ไพบูลย์” ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “กิฟฟารีน” ย่อมเป็นยอมรับ จากฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดขายตรงหลายชั้น หรือ MLM : Multi-level Marketing ของเมืองไทย

       กิฟฟารีนถูกก่อตั้งขึ้นในยุคฟองสบู่เศรษฐกิจ หรือเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ซึ่ง พ.ญ.นลินี บอกว่า การสร้างแบรนด์ไทยในยุคนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะแบรนด์ขายตรงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฉะนั้นโจทย์ทางธุรกิจของกิฟฟารีนที่ต้องตีฝ่ามีอยู่ 2 ประการ คือ
     
       1 – จะทำอย่างไรให้คนไทยยอมรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ใหม่ และ 2 – จะทำให้บริษัทเปิดใหม่ผ่านพ้นภาวะวิกฤตเศรษฐกิจไปได้อย่างไร
     
       แต่จากประสบการณ์เคยทำธุรกิจขายตรงแบรนด์ “สุพรีเดิร์ม” มาก่อน ทำให้ทราบว่าจริงๆ แล้ว เหตุผลที่คนไทยไม่มีความมั่นใจในแบรนด์ไทยนั้น เป็นเพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดี จึงให้ความเชื่อมั่นต่อสินค้าแบรนด์ต่างประเทศมากกว่า พ.ญ.นลินี จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์กิฟฟารีนโดยการใช้หลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ นำเสนอข้อมูลสินค้าที่มีความน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภค
     
       ในขณะเดียวกันก็หันมาปรับเปลี่ยนวิธีการขายตรงในรูปแบบใหม่ จะไม่เป็นการยัดเยียดขายสินค้าให้กับผู้บริโภค เพื่อสร้างยอดขายของนักธุรกิจอิสระ แต่จะเป็นภาพของการเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกันระหว่างนักธุรกิจอิสระกับบริษัท ให้ผลตอบแทนตามความยุติธรรมที่มาจากการใช้สินค้าหรือแนะนำสินค้าจริงๆ
     
       นี่คือกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในยุคเริ่มแรกของกิฟฟารีน ซึ่งต้องยอมรับว่าสามารถทำให้กิฟฟารีนกลายมาเป็นบริษัทขายตรงของคนไทยที่ประสบความสำเร็จทางด้านตลาดเป็นอย่างมาก
     
       แต่เมื่อถึงวันนี้ต้องบอกว่ากิฟฟารีนได้ก้าวผ่านมาสู่ยุคที่สองของการทำธุรกิจขายตรงแล้ว ฉะนั้นคำถาม คือ จากนี้ไปกิฟฟารีนจะเดินไปในทิศทางไหน แล้วจะปรับเปลี่ยนยุทธวิธีขายตรงเป็นอย่างไร
     
       “เรายังคงไม่หยุดที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายของการเป็นผู้นำตลาดขายตรงหลายชั้น ซึ่งในตอนนี้กิฟฟารีนเติบโตขึ้นมาก การดูแลองค์กรขนาดใหญ่ก็จะเป็นอะไรที่ต้องระมัดระวังและรอบคอบ”
     
       ดังนั้นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่จะนำมาใช้ต่อจากนี้ก็จะเป็นการผสมผสานหลายๆ องค์ประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความสามารถหรือศักยภาพของนักธุรกิจอิสระให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น หรือการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ ทั้งการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการดูแลผลิตภัณฑ์เดิม เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครบถ้วน
     
       “ความยากของธุรกิจขายตรงในยุคนี้ คือ ผู้ประกอบการจะต้องตีโจทย์ความคิดของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในวันนี้เปลี่ยนไป มีสื่อหลากหลายแขนงให้เลือกดูเยอะขึ้น เพราะฉะนั้นการตัดสินใจจะเลือกซื้อสินค้าก็จะเป็นอะไรที่ต้องมาสู้กันที่ความเหนือกว่า และความแตกต่าง”
     
       ปัจจุบันกิฟฟารีนมีสมาชิกอยู่ประมาณ 4,300,000 คน แบ่งเป็นนักธุรกิจอิสระประมาณ 300,000 คน โดยในปี 2550 มียอดขายอยู่ที่ 3,900 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 10% หรือประมาณ 4,300 ล้านบาท
     
       “การปรับตัวของกิฟฟารีนนั้น ในปีนี้จะเน้นให้ความสำคัญกับการเทรนนิ่งนักธุรกิจอิสระที่จะเข้ามาทำธุรกิจด้วยกัน ให้ทำงานเป็น เป็นแบบมืออาชีพจริงๆ เพราะสนามแข่งขันในปี 2551 นี้สูงมาก ต้องเรียกว่าเป็นสงครามการซื้อใจผู้บริโภค ส่วนตัวสินค้าก็ต้องปรับให้เอื้อต่อตลาดในยุคนี้ด้วย นั่นคือ มีราคาที่ไม่สูงเกินไป และมีรายละเอียดเหตุผลในข้อดีของการใช้งานอย่างชัดเจน”
     
       พ.ญ.นลินี กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์การทำธุรกิจขายตรงให้ประสบความสำเร็จนั้น ประการแรกต้องเข้าใจเนื้องาน ซึ่งหมายถึง ตัวรูปแบบของธุรกิจ วิธีการทำธุรกิจที่นักธุรกิจอิสระเข้ามาทำแล้วประสบความสำเร็จได้จริง มีรูปธรรมเห็นได้ชัดเจน ทำไม่ยากจนเกินไป
     
       และอีกประการ ต้องเข้าใจคน ธุรกิจขายตรงที่ประสบความสำเร็จในแต่ละประเทศจะต้องมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน เพราะแนวคิดของคนและขนมธรรมเนียมจะแตกต่างกัน ฉะนั้นการทำธุรกิจขายตรงไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหน คุณจะต้องเข้าใจคนในประเทศนั้นๆ เสียก่อน
     
       “ถ้าถามว่าคีย์ซัสเซคของกิฟฟารีนคืออะไร ก็มองว่าน่าจะมี 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. สินค้าของกิฟฟารีนสามารถขายตัวมันเองได้ ผู้บริโภคจำนวนมากสามารถซื้อสินค้าซ้ำอีกได้ และ 2. วิธีการบริหารจัดการคนที่อยู่ในเครือข่ายธุรกิจให้ได้รับในสิ่งที่เขาพึงพอใจ ซึ่งทำให้คนเหล่านี้มีความจงรักภักดีต่อกิฟฟารีนจริงๆ” พ.ญ นลินี กล่าวสรุปทิ้งท้าย

ที่มา ผู้จัดการ

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การทำธุรกิจสร้างหอพัก - อพาร์ทเม้นท์ ให้เช่า

การทำธุรกิจสร้างหอพัก - อพาร์ทเม้นท์ ให้เช่า


      ในวันนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจหอพัก-อพาร์ทเม้นท์ ที่ผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นธุรกิจที่เรียกง่ายๆ ว่าเสือนอนกิน ถ้าทำดี ลูกค้าพอใจ ก็ประสบความสำเร็จ ทำให้เรามักจะได้ยินหลายๆ คนถามกันมาว่า ถ้าจะทำธุรกิจหอพัก -อพาร์ทเม้นต์ จะเริ่มต้นกันอย่างไรดี จะต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ จะบริหารจัดการยังไง ทำแล้วจะคุ้มไหม ต้องเสียภาษีเท่าไร สารพัดคำถามที่วนเวียนในหัว ดังนั้นการทำธุรกิจหอพัก-อพาร์ทเม้นท์ จะเป็นที่จะต้องมีการศึกษาทั้งข้อดี ข้อเสีย ก่อนที่จะเริ่มลงทุน



        คุณธนินทร์ นนทรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คอนคอร์ด แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้ให้ข้อคิดในการทำธุรกิจ หอพัก – อพาร์ทเม้นท์ ว่า “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ คือ อพาร์ทเม้นท์ที่มีการบริการเพิ่มขึ้นมา คนที่มีอพาร์ทเม้นท์อยู่แล้วมาทำเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เสริมขึ้นไป ซึ่งการบริการเป็นสิ่งที่ทำให้เราประสบผลสำเร็จ ทำให้เราต้องหาข้อแตกต่างในการทำเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ที่แตกต่างจากที่อื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าเกิดการประทับใจ ในการเริ่มต้นการลงทุนนั้นผู้ประกอบการ จะต้องกำหนดกลุ่มลูกค้าว่า จะหาลูกค้าจากไหน ลูกค้าเราคือใคร โดยจะต้องมาดูว่าทำเลที่ตั้งของเราเหมาะสมกับทำเลหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องมองไปถึงอนาคตว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพื่อกำหนดทิศทางการลงทุน ลูกค้าต้องเป็นลูกค้าที่เราเห็นอยู่แล้ว ว่ามีอยู่จริง เราจึงจะไปก่อสร้างอพาร์ทเม้นท์ขึ้นมา

       นอกจากมองฐานลูกค้าแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็ต้องมองว่ามีคู่แข่งหรือเปล่า แล้วเราต้องมาคิดว่าจะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นอย่างไร ในโครงการที่จะประสบความสำเร็จได้ คือ โครงการที่มีการเดินทางโดยสะดวกสบาย แล้วก็มีการรักษาความปลอดภัยที่ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า อพาร์ทเม้นท์หรือ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์อยู่ท้ายซอย เราก็สามารถจะชดเชยด้วยการบริการรถรับส่ง อยู่ลึกแค่ไหน แต่มีความปลอดภัยที่เหนือกว่า เป็นจุดที่สามารถแก้ไขความไม่สะดวกสบายได้”

        การทำ feedback เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เรารู้ว่าจะดำเนินโครงการไปในทิศทางไหน จะเริ่มโครงการเวลาใด การทำโครงการไม่สามารถทำแล้วเสร็จในปีเดียว มันอาจจะไปเสร็จอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะทำให้ผู้ประกอบการ ประเมินแล้วสร้างความแตกต่าง เรื่องถัดมาที่เราจะต้องคำนึงถึง คือ เรื่องของข้อกฎหมาย ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร จะเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ หลายท่านอาจคิดว่า เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์กำไรดีมาก เพราะรับลูกค้าทั้งรายวัน รายเดือน แต่จริงๆ แล้ว การรับรายวันนั้นผิดกฎหมาย เพราะว่ากฎหมายระบุว่าต้องพักรายเดือนขึ้นไปเท่านั้น ถ้าท่านรับรายวัน จะต้องไปจดทะเบียน พรบ.โรงแรม ถ้าฝ่าฝืนจะมีการลงโทษ ปรับเป็นเงิน 20,000 บาทต่อวัน

          ซึ่งทาง คุณณรงค์ จันทร์บูรณะพินิจ นักพัฒนาสังคม ชำนาญการ สำนักงานส่งเสริมและพิทักษ์เยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้กล่าวไว้ในสัมมนา สร้าง-บริหาร หอพัก-อพาร์ทเม้นท์ว่า “กฎหมายหอพัก -อพาร์ทเม้นท์ ความจริงแล้วไม่ได้มีอะไรมากมาย กฎหมายหอพัก มีออกมาตั้งแค่ปี 2507 เดิมทีกฎหมายหอพักจะขึ้นอยู่กับกรมประชาสงเคราะห์ แต่เมื่อมีเหตุการณ์ปฏิรูประบบราชการเมื่อปี 2545 ส่งผลให้ในปี 2546 กฎหมายหอพักต้องขึ้นตรงกับกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ซึ่งจะมีหน้าที่ดูแลเรื่องหอพักทั่วประเทศ

        จริงๆ แล้วหอพักจะต้องจดทะเบียนรับนักเรียนนักศึกษาเข้าพัก แต่ถ้าทำบ้านเช่า หรือรับผู้อื่นเข้าพักก็ไม่ต้องไปจดทะเบียน ทำให้มีการสับสนกันระหว่างหอพักกับอพาร์ทเม้นท์


        ตามกฎหมายอพาร์ทเม้นท์ เจ้าของจะสร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์รับบุคคลทั่วไป ไม่ได้คิดจะรับนักศึกษาเข้าพัก พอรับนักศึกษาเข้าพัก กลายเป็นหอพัก จะต้องจดทะเบียนหอพัก ส่วนกฎหมายหอพัก คือ มีนักศึกษาอยู่ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป แล้วเรียนหนังสือปริญญาตรีลงมา อายุไม่เกิน 25 ปี ต้องจดทะเบียนหอพัก เจตนาของกฎหมายคือ ต้องการให้เจ้าของหอพักดูแลเด็กมากขึ้น เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ไม่มีกฎอะไรมากมาย

         จุดมุ่งหมายของการทำหอพัก ให้เจ้าของสามารถอยู่ได้ เช่น หอพักหน้าโรงเรียนบดินเดชา คือ เจ้าของต้องการเด็กโรงเรียนบดินเดชาอย่างเดียว โดยเสียค่าใช้จ่ายเทอมละหนึ่งหมื่นห้าพันบาท มีบริการที่พิเศษกว่าที่ คือเขาจะซักเสื้อผ้าให้นักเรียนหนึ่งชุดฟรี ตอนเย็นกินข้าวฟรี 1 มื้อ หกโมงเย็นปิดหอพัก และได้มีการจดทะเบียนหอพัก ผมก็ได้มีการไปตรวจ ก็เห็นว่าเด็กอยู่กันอย่างมีความสุข เจตนาการจดทะเบียนหอพัก คือต้องการให้เด็กได้เรียนหนังสือปลอดภัยจากอันตราย ให้สถานที่นั้นเหมือนบ้านหลังที่สอง ให้เจ้าของหอพักเป็นเหมือนพ่อแม่คนที่สอง แต่ท่านเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลาย ไปสร้างอพาร์ทเม้นท์ไปเรียกเป็นหอพัก เจ้าของกิจการยังไม่รู้ว่าอพาร์ทเม้นท์และหอพักมีความต่างกันอย่างไร บางคนอธิบายไม่ได้เลย บางคนอธิบายได้เยอะมาก คนที่เป็นนักกฎหมายยังไม่รู้เลยว่าหอพักมีกฎหมายควบคุมดูแลอยู่

         การจดทะเบียนหอพัก ต้องมีหลักฐานการเป็นเจ้าของ คำว่าเจ้าของคือ หนึ่งอาจจะเช่ามา อาจจะครอบครองโดยกรรมสิทธิ์ ชั่วระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง อาจจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน กรรมสิทธิ์ในตัวอาคาร ก็สามารถจะมาจดทะเบียนหอพักได้ แต่มีปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดขอนแก่น 15 ราย ผู้ว่าฯไม่ให้จดทะเบียนหอพักได้ เพราะว่าคนที่จะมาขออนุญาตหอพัก ไปสร้างในที่สาธารณะจะมาจดทะเบียนหอพัก ผมบอกว่าเจ้าของหอพักไม่ได้บอกเจ้าของกรรมสิทธิ์ตรงนั้น ผมก็ชี้แจงไปว่าถ้าเป็นการเช่ามา จะต้องมีการเพิกถอนสถานที่ตรงนั้น ต้องนำคำสั่งศาลไปรื้อถอนให้หมด กฎหมายหอพักเป็นกฎหมายของสังคม บริการ สาธารณะ ตามกฎหมายการปกครองหากเจ้าหน้าที่ไม่จดทะเบียนให้ท่าน ท่านจะสามารถฟ้องได้”

         เรื่องที่สามคือ เรื่องของต้นทุนในการดำเนินการก่อสร้างอาคาร การออกแบบและการตกแต่งภายใน แบ่งออกเป็น 3 เกรด

         เกรด A หมายถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ กลุ่มลูกค้าที่มีรสนิยมสูง ระดับผู้บริหาร เราจะได้อัตราค่าเช่าที่สูง เดือนหนึ่งเป็นหลักแสน กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างดี จะเหมือนโรงแรม 5 ดาว ค่าออกแบบ อพาร์ทเม้นท์เกรด A จะตกอยู่ ตารางเมตรละ 1,100 บาท ค่าก่อสร้างตัวอาคาร 22,000 บาท ค่าตกแต่งภายในรวมเฟอร์นิเจอร์ จะอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาท ถ้ารวมแล้วก็ตกอยู่ประมาณ 48,000 บาท

เกรด B เป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังมีรสนิยมดีอยู่ แต่ก็ขอให้ดูดี อาจจะได้ราคาประมาณ 4-5 หมื่นต่อเดือน ค่าออกแบบ ตกแต่งภายใน ก่อสร้าง ประมาณ 34,000 บาท

เกรด C ไม่เน้นการดีไซด์ที่หรูแต่ดูดี วัสดุใช้แล้วทนทาน เน้นลูกค้าที่มีรายได้ไม่สูงมาก หรือเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในโลเกชั่นที่ค่อนข้างดี เช่น ตามมหาวิทยาลัยเอกชน ค่าออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งภายในไม่เกิน 28,000 บาท

คุณธนินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในทางปฏิบัติถ้าเรามุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มเกรด A เราจะไม่รู้ลักษณะนิสัยของชาวต่างชาติ สมมติกลุ่มที่เป็นตลาดประเทศญี่ปุ่น ข้อดีก็คือ คนญี่ปุ่นจะมีชั้นวรรณะ ถ้าเราได้ระดับประธานมาอยู่ เราจะไม่ได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นระดับผู้จัดการมาอยู่ เป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง ถ้าเรามีได้ประธานมาอยู่ จ่ายเดือนละประมาณ หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท แต่กลุ่มผู้จัดการอีก 10 คน เราไม่ได้เพราะเขาจะไม่ยอมอยู่ตึกเดียวกับท่านประธาน

 ทำให้เราต้องมาคิดว่าจะทำระดับสูงดีไหมให้เราอยู่รอด ผู้ที่จะรู้เรื่องนี้คือจะต้องจ้างคนมาบริหารงาน ต้องให้ผ็ที่มีประสบการณ์ที่เขามีเครื่องมือ มีอุปกรณ์ มีระบบที่ดี เข้ามาจัดการ เราจะเห็นว่าระดับ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 4 ดาวขึ้นไป จะมีการจ้างกลุ่มบริษัทที่รับจัดการบริหารมาดูแล ข้อดีในการที่ทำให้บริษัทเข้ามาบริหารจัดการ มันจะทำให้ได้ราคาสูง แต่ทั้งนี้เราสามารถที่จะบริหารเองก็ได้หรือจะจ้างผู้จัดการที่มีประสบการณ์มาบริหารจัดการ หรือให้บุตรหลานศึกษางานจากธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไปศึกษาเฉพาะโดนตรงจากต่างประเทศ หรือเข้าหาความรู้จากการอบรมสัมมนาในเรื่องที่เกี่ยวข้องเป็นต้น เป็นต้น”

เหนือสิ่งอื่นใดการจะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ จะต้องมองเรื่องการตลาด การขายเป็นอันดับแรก จะหาลูกค้าใหม่ได้อย่างไร พร้อมกับจะพัฒนาการบริการให้ลูกค้าเก่าเกิดความประทับใจได้มากที่สุด ซึ่งจะต้องอาศัยสิ่งต่างๆ

 โดยเฉพาะพนักงาน ในหลายๆ ที่พนักงานคือตัวที่ดึงดูดลูกค้า หากพนักงานปฏิบัติงานดี ก็ควรที่จะให้มีสวัสดิการที่ดีมีความรักในงาน และใช้พนักงาน Outsource ในจุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของผู้เช่าพัก เพื่อป้องการสูญหายในทรัพย์สินของลูกค้า นอกจากนี้หมั่นดูแลสถานที่ให้มีอยู่ในสภาพที่ดี สะอาดและทันสมัยอยู่เสมอ และสุดท้าย ควรใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในระบบเข้า-ออกและรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิด เพียงเท่านี้การลงทุนธุรกิจหอพัก-อพาร์ทเม้นท์ ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป คุณธนินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา : BuilderNews.in.th
โพสต์ 3 ก.ค. 2553

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การทำธุรกิจป้ายโฆษณาสินค้าประเภทต่างๆ


การทำธุรกิจป้ายโฆษณาสินค้าประเภทต่างๆ

ร้านป้ายสวยเป็นแหล่งรวบรวมป้ายสำเร็จรูปที่มี Design มากที่สุดมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เช่น ป้ายห้องน้ำ สวยๆ เก๋ๆ และมี Style ทั้งหลาย ป้ายบ้านเลขที่ ที่มีลุกเล่นโดดเด่น และป้ายสำเร็จรูปอื่นๆอีกมากมายที่สามารถนำไปใช้สำหรับประดับตกแต่งร้านอาหาร บ้าน ออฟฟิตและสถานที่ต่างๆ ให้ดูดีมี Style หรือจะเป็นของขวัญในเทศกาลโอกาสต่างๆ รับรองถูกใจผู้รับแน่นอน

สินค้าทุกชิ้นของทางร้านเป็นสินค้า Limited Edition ไม่สามารถหาซื้อที่อื่นๆได้ และทางร้านยังรับสั่งผลิตป้ายทุกชนิดอีกด้วย
เน้นทำเลให้เข้าใกล้กลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เช่น ภายในห้างสรรพสินค้า, AVENUE,CONVENIENT STONE, HOME PRO, HOME WORK, ไทวัสดุ, บุญถาวร, DO HOME, และอื่นๆ ที่ขายสินค้าตกแต่งบ้านและวัสดุ ซึ้งจะทำให้ลูกค้าติดต่อได้สะดวกสบายกว่า
ลักษณะกิจการ จำหน่ายป้ายสำเร็จรูป, บริการงานป้ายโฆษณา

ชื่อธุรกิจ (ไทย) ร้านป้ายสวย บาย วายเน็กซ์ซายน์
ชื่อธุรกิจ (อังกฤษ) Manysigns Shop By wynexsign
ปีที่ก่อตั้ง พ.ศ. 2550

ความเป็นมา
บริษัทมีประสบการณ์ด้านการดำเนินธุรกิจป้ายมานาน ผู้บริหารและทีมงานครบครัน, มีโรงงานผลิตป้ายของบริษัทเอง มีประสบการณ์ด้านงานป้ายมากกว่า 20 ปี และมีผลงานการผลิตในท้องตลาดมากมายจนเป็นที่ยอมรับของวงการต่างๆ

ลักษณะสินค้าและบริการ
เป็นร้านป้ายหนึ่งเดียวในท้องตลาดที่ตกแต่งให้ดูน่าสนใจ สวยงาม พร้อมตัวอย่างสวยๆ มากมาย พร้อมให้ลูกค้าเข้าชม และมีสินค้าสำเร็จรูปที่มี Design ให้เลือกมากมาย และแบบมากที่สุดในท้องตลาดพร้อมรับสั่งทำป้ายทุกชนิด
และยังแตกต่างจากท้องตลาดมี Design ใหม่ๆ ตลอด (สินค้าไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน)

ประเทศ Thailandกลุ่มประเทศ ASEAN Economic Community (AEC)
ค่าแฟรนไชส์ 98,000 บาท
จำนวนสาขา 3 สาขา
รายละเอียดสาขา
สาขาถ.นวลจันทร์ 60 กรุงเทพฯ
สาขาไทวัสดุ สุขาภิบาล 3 กรุงเทพฯ
สาขาไทวัสดุ บางนา กรุงเทพฯ

นโยบายการขยายสาขา
ขายแฟรนไชส์ / เปิดสาขาของบริษัทเอง
การลงทุน มี 2 รูปแบบได้แก่

เปิดร้านป้ายสวย เงินลงทุนมัดจำร้านป้ายสวย ขนาด 3.2 x 3.2 ม. (ขายปลีกและรับทำป้ายครบวงจร) พร้อมสินค้าตัวอย่างครบครัน งบประมาณ ลงทุนมัดจำร้าน 150,000 .- (ไม่รวมมูลค่าสินค้าป้ายสำเร็จรูปต่างๆ สำหรับเอาไว้ขายปลีกหรือขายส่ง)
พร้อมจ่ายค่าเช่าร้านป้ายสวย 4,000 .- / เดือน ชำระล่วงหน้า 3 เดือน (ไม่รวมค่าเช่าทำเลที่ตั้ง)
ระยะสัญญาค่าเช่าทำธุรกิจ (Business Partner) ต่อทุกๆ 2 ปี

เงินมัดจำร้านสามารถคืนได้ในกรณีที่หมดสัญญาและผู้เช่า (Business Partner)
ไม่ประสงค์จะทำธุรกิจต่อ แต่จะหักค่าเสื่อม 10% และหักค่าความเสียหายของทรัพย์สิน (ถ้ามี) โดยการประเมินจากทางบริษัทตามความเป็นจริง

ซื้อสินค้าป้ายสำเร็จรูปต่างๆไปขายปลีกได้รับ ส่วนลด 35 – 40 % (รับสินค้าไปขายอย่างเดียว, ไม่สามารถรับสั่งทำป้ายได้)
พร้อมสนับสนุนสินค้า Design ใหม่ๆ ให้ตลอด
ลงทุนเริ่มต้นที่ ประมาณไม่เกิน 20,000 .- (ค่าสินค้า) ก็เริ่มธุรกิจได้แล้ว
ลูกค้าหาทำเลขายเอง/ หรือมีสินค้าอยู่แล้ว
ระยะเวลาคืนทุน อยู่ที่ความสามารถและ Vision ของผู้ประกอบการเอง
คุณสมบัติ
ผู้ลงทุน
มีทำเลร้านค้า Booth, Kiosk หรือ ช่องทางขายหรือช่องทางกระจายสินค้าต่อกลุ่มเป้าหมาย (ทั่วประเทศ)

สิ่งที่แฟรนไชส์ซี่จะได้รับ
ดูแลทำธุรกิจร่วมกันเปรียบเสมือนเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ (Business Partner)
ปรับปรุงสินค้า Design ใหม่ๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเจริญก้าวหน้าของบริษัท
ให้สิทธิ์ขยายเขตการขายแต่ผู้เดียวตามศักยภาพและความเหมาสม
ทีมการตลาดคอยดูแลและให้คำแนะนำตลอด
อื่นๆ

เป็นธุรกิจที่มีตลาดกว้างมาก / มีโอกาสสร้างรายได้สูงมาก ไม่มีข้อจำกัด จากการรับสั่งทำป้ายและจำหน่ายป้ายสำเร็จรูป
มีสินค้าป้ายสำเร็จรูปมากมาย, ให้จำหน่ายเป็นรายได้และมี Design ใหม่ๆ ออกตลาดอยู่เสมอ สินค้าไม่เหมือนใคร
สามารถขยายตลาด โดยกระจายสินค้าในหลายๆ จุดโดยขายส่งให้กับผู้ค้าปลีกหรือเป็นจุดขายย่อยๆ เองในพื้นที่จังหวัดที่ท่านได้รับการแต่งตั้ง
มีตัวอย่างป้ายให้ลูกค้าเลือกชมและตัดสินใจซื้อซึ่งไม่สามารถหาซื้อที่ไหนได้

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทำธุรกิจขายสินค้าผลิตภัณฑ์จากกล้วย

ทำธุรกิจขายสินค้าผลิตภัณฑ์จากกล้วย

พูดก็พูดนะครับ ถ้าใครมีหัวเรื่องการทำของกินเนี่ย ทำให้ต้นทุนไม่เเพงเเล้วอร่อยนะครับ ขายยังไงก็อยู่ได้ครับพี่น้อง


 กล้วยตากอาหารพื้นบ้านของคนไทย ที่สามารถหากินกันได้ในทุกภาค และด้วยรสชาติ และคุณประโยชน์ที่มีต่อร่างกายทำให้กล้วยได้รับความนิยม แต่สำหรับวัยรุ่นแล้ว การกินกล้วยเป็นเรื่องที่ล้าสมัย ดังนั้น ผู้ประกอบการกล้วยตากจังหวัดพิษณุโลก จึงได้เกิดไอเดียทำกล้วยตากเคลือบชอกโกแลตออกมาจำหน่าย

       สำหรับกล้วยตากเคลือบชอกโกแลต แบรนด์ “TAI TAI” ของ นายศิริ วนสุวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิริวานิช (เอส แอนด์ ดับเบิ้ลยู จำกัด) จังหวัดพิษณุโลก เป็นโรงงานทำกล้วยตากที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 10 ปี กล้วยที่ทางโรงงานเลือกใช้เป็นกล้วยน้ำว้าสายพันธุ์มะลิอ่องไส้ขาว เป็นกล้วยน้ำว้าสายพันธุ์ดีที่ทางโรงงานได้พัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์ขึ้นมาให้ดีกว่าเดิม เพื่อนำมาทำกล้วยตาก ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเป็นหลัก



       นางสาวนิตยา มูลทรัพย์ เจ้าหน้าที่ของโรงงาน เล่าว่า ทางโรงงานได้แปรรูปกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง ในหลากหลายรูปแบบประกอบด้วย กล้วยตาก กล้วยอบกรอบ กล้วยอบนิ่ม กล้วยม้วน กล้วยอบกรอบสอดไส้มะขาม กล้วยดองในน้ำหวาน น้ำหวานกล้วย (บานาน่าไซรัป) ฯลฯ และหลังจากนั้น เจ้านายเกิดความคิดว่า จะทำอย่างไรให้วัยรุ่นหันมาสนใจกล้วยตาก จึงได้เดินทางไปดูงานต่างประเทศ เพื่อศึกษาความชอบของวัยรุ่นในต่างประเทศชอบกินอะไรกัน และพบเห็นว่าวัยรุ่นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ชอบกินชอกโกแลต จึงได้ทดลองทำสูตร กล้วยอบนิ่ม และกล้วยอบกรอบ เคลือบชอกโกแลต ออกมาขายควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์กล้วยอื่นๆ



       โดยการเคลือบชอกโกแลตจะใช้น้ำหวานกล้วยเข้มข้นแทนน้ำตาล ทำให้ชอกโกแลตไม่ละลาย แม้ไม่ได้อยู่ในตู้เย็น ทำให้ไม่มีปัญหากรณีต้องส่งสินค้าไปต่างประเทศ และน้ำหวานกล้วยยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นความหวานตามธรรมชาติที่ช่วยให้กระปี่ กระเปร่า โดยเฉพาะคนเป็นโรคเบาหวานกินได้ไม่เป็นอันตราย ซึ่งตลาดหลักของเราจะส่งออกไป ประเทศรัสเซีย และญี่ปุ่น ลูกค้าให้การตอบรับดี

       สำหรับกล้วยของโรงงานจะมีจุดเด่น อีกอย่างหนึ่ง คือ บรรจุภัณฑ์ ทางบริษัทให้ความสำคัญ เพราะช่วยยกระดับกล้วยตากให้ดีขึ้น จากเดิมเป็นเพียงสินค้าพื้นบ้าน ซึ่งการออกแบบกล่อง เราจะมีให้เลือกหลายขนาดเพื่อให้ลูกค้าได้มีทางเลือกทั้ง กล่องใหญ่ กลาง และเล็ก ภายในกล่องมีซองเล็ก แต่ละซองจะบรรจุกล้วยสองลูก ซึ่งราคาขายส่งต่างประเทศจะคิดเป็นซอง ๆละ 40 บาท (กล้วย 2 ลูก) ส่วนราคาขายในประเทศไทย ขายเป็นกล่อง กล่องใหญ่ขนาด 320 กรัม ราคา 110 บาท ขนาดกลาง 130 กรัมราคา 70 บาท ส่วนกล้วยตากธรรมชาติที่ไม่เคลือบชอกโกแลตขายกล่องละ 90 ขนาด ขนาด 320 กรัม ส่วนราคาน้ำหวานกล้วยเข้มข้น ผลิตออกมาขนาดเดียว 200 มิลลิลิตร ราคา 220 บาท



       สำหรับน้ำหวานกล้วยเข้มข้น ได้จากกระบวนการอบแห้งกล้วยตากในโรงเรือน โดยใช้พลังแสงอาทิตย์ ควบคุมการผลิตที่อุณหภูมิไม่เกิน 75 องศาเซลเซียส ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายหรือน้ำผึ้ง สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมเครื่องดื่ม ทั้งร้อนและเย็น ทาขนมปังแทนน้ำตาล น้ำผึ้ง ซึ่งกล้วยน้ำหวานเข้มข้น มีราคาแพง เพราะน้ำหวานที่ได้จากการตากกล้วยครั้งหนึ่งได้ปริมาณไม่มาก ปัจจุบันมีวางขายเพียงแค่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว


       ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะส่งออกไปยังประเทศไต้หวัน และจีน เพราะตลาดในเอเชียเริ่มรู้จักกล้วยน้ำว้ามากขึ้น และเห็นถึงประโยชน์และคุณค่าทางอาหารของกล้วยน้ำว้าที่มีมากกว่า กล้วยอื่นๆ ประกอบกับรสชาติอร่อยไม่แพ้ กล้วยไข่ หรือ กล้วยหอมตลาดในเอเชีย อย่างจีนและไต้หวันจึงหันมาให้ความสนใจกับกล้วยน้ำว้ามากขึ้น ซึ่งในระยะหลังผู้ประกอบการเองมีการส่งออกกล้วยน้ำว้า ในรูปของกล้วยตากมากขึ้น ในขณะที่ตลาดเมืองไทย การแปรรูปในรูปของกล้วยตาก ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าโอทอป ที่วางขายตามสถานที่ท่องเที่ยว

       สำหรับในส่วนของตลาดในเมือง อย่างในห้างสรรพสินค้า ยังมีอยู่น้อยมาก เพราะคนไทยเองก็มองกล้วยน้ำว้า หรือกล้วยตากเป็นอาหารพื้นบ้าน ราคาถูก ยิ่งเด็กรุ่นใหม่ มองการกินกล้วยตากเป็นเรื่องล้าสมัย ดังนั้น อาศัยช่องว่างทางการตลาดในห้างสรรพสินค้า ทำการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และปรับปรุงสูตรกล้วยในรูปแบบต่างๆ เชื่อว่า การทำตลาดกล้วยตากในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะคนไทยเองรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าอยู่แล้ว ในส่วนของเราเอง สำหรับกล้วยเคลือบชอกโกแลตได้รับผลตอบรับจากคนรุ่นใหม่ ที่มองเห็นคุณประโยชน์ของกล้วยน้ำว้า และชื่นชอบในบรรจุภัณฑ์ ซื้อกินกัน

       ในส่วนของขั้นตอนการผลิตของโรงงานจะมี 2 ส่วน คือ การผลิตด้วยวิธีธรรมชาติตากแดด โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในโรงเรือน เพื่อให้ได้น้ำหวานกล้วยดังที่กล่าวมาข้างต้น และส่วนที่สอง เป็นกล้วยอบด้วยเครื่องอบ เพราะสามารถทำตอนไหนก็ได้ไม่ต้องรอแดด โดยทุกขั้นตอนการผลิตของโรงงานเราได้มาตราฐาน GMP และ HACCP


       สำหรับในส่วนของของวัตถุดิบมีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก และทางโรงงานจะรับซื้อในราคายุติธรรม เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยในจังหวัดพิษณุโลกได้มีรายได้อีกทางหนึ่ง แต่ต้องเป็นสายพันธุ์มะลิอ่องเท่านั้น เพราะเป็นสายพันธุ์ที่มีกลิ่นหอม ลูกค้าในต่างประเทศจะชื่นชอบ แต่ด้วยบางครั้งเราใช้ผลผลิตครั้งละจำนวนมาก บางส่วนก็ต้องทำแปลงปลูกขึ้นมาเองด้วย
     
       โทร. 055-268-038 ,www.banana-tai-tai.com
ของคุณบทความ จากผู้จัดการครับ


วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เเนะนำเวปไซต์เกี่ยวกับการทำธุรกิจส่วนตัว


เเนะนำเวปไซต์เกี่ยวกับการทำธุรกิจส่วนตัว
เริ่มจากเวปสุขภาพก่อนนะครับ

รวมบทความเวปน่าสนใจครับ ความรู้ทั้งนั้นครับพี่น้อง
เกี่ยวกับสุขภาพ
ไม่ว่าคุณจะวุ่นวายแค่ไหน ก็อย่าให้เขาพลาดมื้อเช้า เพราะการกินมื้อเช้าช่วยลดความเสี่ยงสุขภาพไปได้เยอะ ทั้งเรื่องหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ และอัลไซเมอร์ ลองดัดแปลงอาหารเช้าทำง่าย ๆ ได้สุขภาพมาแทน เช่น แซนวิชทูน่า หรือปลากะพงอบ ไข่คนใส่มะเขือเทศ ฯลฯ หากไม่มีเวลามาก คุณอาจซื้ออาหาร หรือทำเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเข้านอน เช่น อบปลาแซลมอนหรือปลากะพงเพื่อเป็นไส้แซนด์วิช  ต้มซุปไก่ใส่มันฝรั่งแล้วเก็บเข้าตู้เย็น ก่อนกินมื้อเช้าก็นำมาอุ่นกินได้ทันที เริ่มต้นวันอย่างดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วจริงไหม
เกี่ยวกับการทำเงิน

refund : money that the government gives back to you when you pay too much in taxes, or have withheld too much from your salary.
หมายถึง เงินคืนภาษี ซึ่งเกิดจากการคำนวณภาษีในรอบสุดท้ายของปีภาษีนั้นแล้วพบว่า ภาษีที่เราได้เสียหรือถูกหัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนในระหว่างปีนั้นสูงกว่าข้อกำหนด ซึ่งทางสรรพากรก็จะต้องทำการคืนเงินในส่วนต่างนั้นให้เรา
เกี่ยวกับสมุนไพรไทย

จากวันเวลาอันยาวนานที่ได้ผ่านมาในการทำธุรกิจสิ่งที่ทุกคนในตระกูลเวชพงศายึดมั่นตลอดมาคือคำสั่งสอนของ อากง (นายอิ้วเจีย) ที่ว่าอาชีพค้ายานั้นเป็นกิจการที่ช่วยให้เลี้ยงตัวและครอบครัวได้อย่างพอกินพอใช้ เปรียบเหมือนน้ำซึมบ่อทราย แต่อย่าหวังร่ำรวยมากมาย ข้อสำคัญต้องมีความซื่อสัตย์และจริยธรรมเป็นที่ตั้ง ผู้ที่มาหาซื้อยาไปรักษาโรคนั้นก็มีความทุกข์ยากอยู่แล้ว อย่าซ้ำเติมโดยการค้ายาปลอมหรือหากำไรเกินควรจากคนเหล่านั้นเลย
เกี่ยวกับรถยนต์ รถรุ่นใหม่ ปัญหารถยนต์ครับ


หน้าที่หลัก 4 ประการของยางรถยนต์
1. รับน้ำหนักรถยนต์และน้ำหนักบรรทุก
2. ลดแรงกระแทกและสั่นสะเทือนจากพื้นถนน
3. เป็นตัวกลางถ่ายทอดพลังงานขับเคลื่อน และการหยุดรถลงสู่พื้นผิวถนน
4. ทำให้รถเปลี่ยนทิศทางได้ตามความประสงค์

เวปทั่วๆไปน่าสนใจ

คอมพิวเตอร์ IT tablet os
http://computernews.orgfree.com/

เกี่ยวกับมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด
http://thaiphone5.orgfree.com/

ขนมหวานไทย
http://kanomvanthai.orgfree.com/

ประเพณีไทย
http://papaneethaibolan.orgfree.com/

การเงินการลงทุน
http://valueinvestor.orgfree.com/

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เเนะนำเวปไซต์เกี่ยวกับ สุขภาพ ธุรกิจส่วนตัว รถยนต์ เเละ สมุนไพร


เเนะนำเวปไซต์เกี่ยวกับ สุขภาพ ธุรกิจส่วนตัว รถยนต์ เเละ สมุนไพร
อันนี้อยู่ในหมวดหมู่ของการรักษาสุขภาพร่างกายให้เเข็งเเรงดี
อันนี้เป็นเวปเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ
อันนี้เกี่ยวกับรถยนต์ไทย
เวปเกี่ยวกับการรถยนต์น่ารู้น่าสนใจ
http://knownewsmotor.orgfree.com/
http://motorthai.orgfree.com
http://knowhowmotor.orgfree.com
เเถมให้
คุณและโทษของอาหารเสริม
อาหารเสริม คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานเพื่อเสริมการรับประทานจากอาหารหลัก อยู่ในรูปของเม็ด เกล็ด ผง แคปซูล ของเหลว หรือในรูปลักษณ์อื่นๆ ที่ใช้รับประทานโดยตรงเสริมการรับประทานอาหารหลักตามปกติทุกวันของคนปกติ และเพื่อเป็นการปัองกันการเกิดโรคต่างๆ
ปัจจุบันนี้พบว่ามีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงร่างกายออกวางจำหน่ายมากมาย อันจะพบได้ตามสื่อโฆษณาต่างๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งบางผลิตภัณฑ์มีการโฆษณาสรรพคุณเกินจริง เช่น ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักและเสริมความงาม เมื่อใช้แล้วจะเห็นผลภายใน 1 สัปดาห์ หรืออาหารเสริมบำรุงสมอง เมื่อทานผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะทำให้สมองมีความจำดี เป็นต้น และพบว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแต่ละชนิดมีราคาแพงมากและประโยชน์ที่ได้จากอาหารเสริมเหล่านี้ก็ยังไม่ชัดเจน มีมากหรือน้อยเพียงไร ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรพิจารณาถึงคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นด้วย
ประโยชน์ของอาหารเสริมมีอยู่ 3 ประการ
1. ช่วยให้ร่างกายได้รับโภชนาการที่เหมาะสม เนื่องจากทุกคนมีความต้องการที่เหมือนกัน คือ สุขภาพสมบูรณ์ปราศจากโรคภัย จึงมีการคิดค้นอาหารเสริมเพื่อช่วยเพิ่มในส่วนที่ร่างกายขาดไป
2. จะมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เพราะอาหารเสริมจะเข้าไปเสริมในส่วนที่ร่างกายขาดได้ครบถ้วนเต็มที่
3. สามารถช่วยบรรเทาหรือรักษาโรคบางชนิดแทนยาแผนปัจจุบันได้ เช่น น้ำว่านหางจระเข้รักษาอาการโรคกระเพาะ น้ำมันตับปลาค็อด (cod liver oil) ช่วยบรรเทาอาการโรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น นากจากนี้ยังพบว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาแผนปัจจุบัน
การกินอาหารเสริมมากเกินไป บางครั้งพบว่าทำให้เกิดโทษแก่ร่างกายและสูญเสียเงินโดยไม่จำเป็น ซึ่งมีรายงานการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเสริมมากเกินไป อาจมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ เช่น วิงเวียน ปวดศรีษะ อุจจาระเป็นสีดำ ท้องผูก ท้องเสีย มีกลิ่นตัว และเหงื่อออกมาก
ตัวอย่างของผลข้างเคียงของอาหารเสริม
- อาหารเสริมประเภทซุปไก่สกัด มีคุณค่าเท่ากับไข่ไก่ฟองเดียว
- สาหร่ายสไปรูไลน่า จะมีปริมาณกรดนิวคลิกสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์
- รังนกที่ยังไม่เคยมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เลยว่ากินแล้วผิวพรรณอ่อนกว่าวัย แต่มีผลข้างเคียงต่อผู้ที่เป็นลมชัก
- น้ำมันตับปลา ทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลไม่หยุด อาจทำให้เกิดสภาวะขาดวิตามินอี และเสี่ยงต่อสารพิษด้วย
- ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน ซึ่งขณะนี้นักวิชาการพบว่ามีผลข้างเคียงต่อการเป็นมะเร็ง
ถ้าจำเป็นต้องทานอาหารเสริมและให้คุณค่าต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนบริโภค ควรเลือกให้เหมาะสมกับอายุและสภาพร่างกาย สภาพการดำเนินชีวิต สำหรับผู้ที่กินยาเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อน ส่วนสตรีที่มีครรภ์ก็ควรทานอาหารเสริมจำพวกวิตามินหรือกรดโฟลิกเท่านั้น แต่ขอแนะนำว่าถ้าท่านรับประทานอาหารให้ถูกต้องและครบ 5 หมู่แล้ว อาหารเสริมก็คงไม่จำเป็นสำหรับท่านอีกต่อไป แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นอีกด้วย แต่สำหรับผู้ที่ทำงานหนักหรือสุขภาพไม่แข็งแรง

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เปิดร้านทำสติกเกอร์แต่งลายรถ

เปิดร้านทำสติกเกอร์แต่งลายรถ

        จัดเป็นธุรกิจนี่มีความน่าสนใจครับอย่างน้อยก็สร้างจุดที่ว่าความเเตกต่างจากผู้คู่เเข่งโดยส่วนตัวผมขนาดตลาดมันยังไม่กว้างมากตอนนี้เเต่ระยะยาวผมว่าน่าสนใจครับ อย่างน้อยถ้าคุณสามารถออกเเบบตัวสติกเกอร์ได้ก็ถือว่าได้เปรียบคู่เเข่งที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดี่ยวกัน



        นางสาวธันยพัฒน์ แสงไทย เจ้าของร้าน Sticker Makeover เล่าว่า ทำสติกเกอร์แต่งสีรถได้ประมาณ 2 ปี จุดเริ่มต้นมาจากครอบครัวขายอุปกรณ์แต่งรถอยู่แล้ว เดิมคุณพ่อขายอุปกรณ์ และทำสีรถให้กับรถแข่ง และได้ลูกค้าที่ชอบรถแข่ง และชื่นชอบลวดลายและสีรถแข่งในสนามก็แต่งตามรถแข่ง โดยทีมรถแข่งที่คุณพ่อออกแบบและทำสีรถให้แนะนำให้มาแต่งรถกับเราทำให้คุณพ่อมีลูกค้า นอกเหนือจากการทำสีรถแข่งในสนาม และยึดอาชีพการขายอุปกรณ์และแต่งรถตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันทีมรถแข่งก็ยังคงใช้บริการของคุณพ่ออยู่ในส่วนของการแต่งสีรถ และจากการทำสีก็เปลี่ยนมาเป็นสติกเกอร์แทน


       ในส่วนของ Sticker Makeover เป็นร้านแยกตัวมาทำเอง เปิดให้บริการอยู่ที่ถนนติวานนท์ ห้าแยกปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นการใช้สติกเกอร์แต่งสีรถ เป็นหลัก สติกเกอร์ที่ใช้เป็นสติกเกอร์ที่มีตัวแทนจำหน่ายนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเลือกใช้ยี่ห้อ 3M และ Oracal จากประเทศเยอรมนี เพราะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเชื่อถือในมาตรฐาน แต่ถ้าขายดีก็ยังคงเป็น 3M เพราะลูกค้ารู้จักเชื่อมั่นในคุณภาพมานานกว่า ซึ่งปัจจุบันทั้งสองแบรนด์ผลิตในประเทศจีนและตัวแทนจำหน่ายก็นำเข้ามาจากประเทศจีน


     
       สำหรับการแต่งรถด้วยสติกเกอร์ ปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ เริ่มจากการ Warp สติกเกอร์ทั้งคัน การแต่งสติกเกอร์ หุ้มเคฟลาร์ และที่นิยมในตอนนี้ก็ต้องเป็นสติกเกอร์บอมบ์ BOMB หรือถ้าไม่ต้องการเปลี่ยนสีรถ แต่ต้องการเคลือบสีรถ มีสติกเกอร์สีใสสำหรับป้องกันรอยขีดข่วน และป้องกันสีรถไม่ให้ซีดจางโดยที่สีรถไม่เปลี่ยน ซึ่งในส่วนของสติกเกอร์จะมีแบบใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหมือนเป็นสินค้าแฟชั่น เมื่อมีแบบใหม่ออกมา และมีรถนำมาติดออกไปวิ่งตามท้องถนน คนเห็นก็จะมาทำตาม



       “ การเปลี่ยนสีรถแบบสติกเกอร์ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าจะรู้จักการให้บริการตรงนี้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการก็จะแนะนำสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก ลูกค้าหันมาให้ความสนใจและเปลี่ยนสีรถโดยใช้สติกเกอร์กันมากขึ้น เพราะด้วยราคาที่ถูกกว่าทำสีมากกว่า 50% อย่างการเปลี่ยนสีรถทั้งคันด้วยการ Warp ราคาเริ่มต้น 15,000 บาท แต่การแต่งลายรถอยู่ในหลักพันบาทเท่านั้น คนหันมาสนใจแต่งลายรถสติกเกอร์กันมากขึ้น และที่สำคัญไม่ทำให้สีรถเสียหาย”

       นางสาวธันยพัฒน์บอกกับเราว่า ในปีนี้ถือว่า สติกเกอร์เปลี่ยนสีรถได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะโครงการรถคันแรก และมีรถซิตี้คาร์ รถเล็กออกมามาก และรถเล็กพอแต่งแล้วจะดูโดดเด่น ส่วนใหญ่รถเล็กที่ออกมาจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งชอบการแต่งรถอยู่แล้ว เมื่อรถยี่ห้อไหน ออกรถใหม่มาจะมีรถยี่ห้อนั้นมาติดกันเยอะ ในส่วนของแบบ ส่วนใหญ่ดูแบบมาจากการแต่งรถในต่างประเทศ ซึ่งเราเองดูแบบมาจากต่างประเทศเช่นกัน และตัวแทนจำหน่ายก็จะมีสติกเกอร์ในแบบที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศมานำเสนอ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็จะให้เราช่วยแนะนำและออกแบบให้มากกว่า
     
       สำหรับอายุการใช้งานของสติกเกอร์อยู่ได้ประมาณ 2-5 ปีแล้วแต่คุณภาพ แต่เนื่องจากเป็นสินค้าแฟชั่น ลูกค้าจะติดได้ไม่เกิน 2-5 เดือน ก็นำมาเปลี่ยนลาย ทำให้ร้านสติกเกอร์ที่เปิดให้บริการจำนวนมากมีลูกค้าเข้าไปใช้บริการอยู่เรื่อย ในส่วนของ Sticker Makeover มีลูกค้าประจำอยู่ค่อนข้างมาก เมื่อมีลายใหม่มาเราก็จะนำเสนอลูกค้า และทางร้านยังเปิดให้บริการแต่งรถมอเตอร์ไซค์ด้วย ส่วนแบบสติกเกอร์ลายรถนั้น ปีหนึ่งทางผู้ผลิตมีแบบใหม่ให้เลือกมากกว่า 20-30 แบบ ทำให้ร้านเรามีแบบใหม่มานำเสนอลูกค้าได้เข้ามาใช้บริการอยู่เรื่อย



       ส่วนขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแต่อาจจะต้องทำในห้องปรับอากาศเพื่อป้องกันฝุ่น การติดสติกเกอร์คันหนึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วแต่ความยากง่าย และขนาดของรถ ส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเฉลี่ยต่อวันประมาณ 2-3 คัน การแข่งขันในธุรกิจนี้อยู่ที่ความประณีต และความละเอียดในการทำงาน เพื่อให้ได้ผลงานที่ดี และถูกใจลูกค้า ปัจจุบันความนิยมในการทำสติกเกอร์แต่งลายรถไม่ได้มีเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น แต่ในตลาดต่างจังหวัดก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
     
       โทร. 08-4095-5941, www.stickermakeover.com

ที่มา ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9550000137825