วิธีการเล่นเเชร์กฏกติกามารยาทในการเล่นเเชร์
ความตกต่ำทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเมื่อใด เราก็จะพบเห็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจรูปแบบต่าง ๆ สร้างความเสียหายแก่ประชาชน กรณีที่เห็นชัด คือ การกลับมาระบาดของแชร์ลูกโซ่และตกเป็นข่าวแทบจะทุกสื่อในเวลานี้ โดยเฉพาะแชร์ข้าวสาร และแชร์ก๋วยเตี๋ยวบางกอก ล่าสุดทางการออกมาเตือนให้ระวังธุรกิจแฟรนไชส์กว่า 400 รายที่อาจเข้าเป็นข่ายแชร์ลูกโซ่
วิธีการของแชร์ลูกโซ่เป็นอย่างไร ทำไมจึงสามารถหลอกลวงให้ประชาชนตกเป็นเยื่อได้ในวงกว้างและเราจะมีวิธีการพิจารณาลักษณะธุรกิจที่เป็นแชร์ลูกโซ่ออกจากธุรกิจโดยทั่วไปได้อย่างไร
ลักษณะธุรกิจแชร์ลูกโซ่ : ประมาณ 20 ปีก่อน มีตัวอย่างการล้มละลายของแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนมาก คือ การล้มละลายของแชร์น้ำมัน หรือ แชร์แม่ชม้อย หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดการล้มละลายของบริษัท บริดเชอร์ คอร์เปอร์เรชั่น และเมื่อปี 2548 บริษัท กรีนแพลนเนท เป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่อีกรายที่เกิดปัญหาล้มละลาย
จากปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดกฎหมาย พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 4 ว่า “ ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏแก่
ประชาชนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ในการกู้ยืมเงิน ตนหรือบุคคลอื่นใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงิน ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยให้กู้ยืมเงินของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้
โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไปผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ”
และมาตรา 12 บัญญัติว่า “ ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 4 หรือมาตรา 5 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ”
วิวัฒนาการแชร์ลูกโซ่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปอยู่ในรูปธุรกิจขายตรง ( Multi Level Marketing : MLM ) ซึ่งในหลายบริษัทอาจใช้คำอื่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น การตลาดแบบระบบเครือข่าย ( Network Marketing ) และแชร์ลูกโซ่บางแห่งในปัจจุบันแฝงตัวอยู่ในธุรกิจแฟรนไชส์
รูปแบบการทำงานของธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่เน้นการหาสมาชิกเพื่อมาร่วมลงทุนตามแบแผนธุรกิจ ซึ่งส่วนมากลักษณะแผนธุรกิจของบริษัทประเภทนี้แทบจะไม่ต่างกัน แต่อาจจะเปลี่ยนแค่รูปแบบโดยใช้สินค้าหรือบบริการที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงการซื้อขายสินค้าเป็นเครื่องบังหน้าเพื่อเลี่ยงกฎหมายเท่านั้น
การพิจารณาว่าธุรกิจเป็นแชร์ลูกโซ่ : ธรรมชาติของกิจกรรมการผลิตหรือการประกอบธุรกิจใดก็ตาม จะสามารถนำทรัพยากรมาผลิตสินค้าและบริการได้นั้น จะอาศัยส่วนผสมของปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์แบ่งออกเป็น 4 ปัจจัยด้วยกัน คือ ที่ดิน ทุน แรงงาน และผู้ประกอบการ
แชร์ลูกโซ่นั้นต่างจากการเล่นแชร์ เนื่องจากการเล่นแชร์นั้นมีกฎหมายรองรับ คือ พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 ซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 4 ว่า
“ การเล่นแชร์ หมายความว่า การที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตกลงกันเป็นสมาชิกวงแชร์ โดยแต่ละคนมีภาระที่จะส่งเงินหรือทรัพย์สินอื่นใด รวมเข้าเป็นกองทุนกลางเป็นงวด ๆ เพื่อให้สมาชิกวงแชร์หมุนเวียนกันรับทุนกองกลางแต่ละงวดนั้นไปโดยการประมูลหรือโดยวิธีอื่นใด และให้หมายความรวมถึงการรวมทุนในลักษณะอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย ”
ซึ่งการเล่นแชร์นั้นกฎหมายอนุญาตให้เล่นได้โดยมีข้อห้ามอยู่ในมาตรา 6 โดยบัญญัติว่า “ ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่ลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(๑) เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวง
(๒) มีจำนวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงมากกว่าสามสิบคน
(๓) มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
(๔) นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์นั้นได้รับประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่จะได้รับทุนกองกลางในการเข้าร่วมเล่นแชร์ในงวดหนึ่งงวดใดได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้ถือว่าผู้ที่สัญญาว่าจะใช้เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดแทนนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ เป็นนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ด้วย ”
ดังนั้นคงพอเข้าใจความแตกต่างระหว่างการเล่นแชร์ กับ แชร์ลูกโซ่นะครับ แล้วอย่าตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ก็แล้วกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น