บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

ลงทุนเปิดร้านขายโจ๊ก

ลงทุนเปิดร้านขายโจ๊ก


ปัจจุบันอาหารมื้อเช้าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ของคนทำงานหนีไม่พ้นต้อง ซื้อŽ  และส่วนใหญ่ก็เป็นพวกปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ ขนมปังแซนด์วิช รวมถึงโจ๊ก เพราะกินง่าย สะดวก ให้พลังงานสูง และราคาไม่แพง ดังนั้น หากใครทำเมนูเหล่านี้อร่อย ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้อย่างแน่นอน



               โจ๊กŽ อาหารที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ลงทุนไม่มาก ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ขายได้ทุกช่วงเวลา แถมกำไรดี

ซึ่งผู้ที่จะมาถ่ายทอดเนื้อหารายละเอียดทั้งหมดคือคุณสิรินญา  วัฒนเจริญชัย หรืออาจารย์ดา วิทยากรสอนอาชีพวิชา โจ๊กฮ่องกงและโจ๊กหมูŽ ประจำ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชนž

               อาจารย์ดาคลุกคลีอยู่ในวงการอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวเป็ดและโจ๊กมาร่วม 10 ปี  ซึ่งก่อนหน้านี้เธอขายอยู่ที่ซอยเซนต์หลุยส์ ชื่อเสียงโด่งดัง  แต่ภายหลังมีปัญหาเรื่องสถานที่ จึงตัดสินใจย้ายมาตั้งหลักบริเวณสวนหลวง ร.9 ซึ่งกิจการไปได้ด้วยดี  แต่แล้วทำเลที่ขายหมดสัญญาเช่า และมีปัญหาไม่สามารถต่อสัญญาได้จึงตัดสินใจปิด ปัจจุบันไปเปิดหน้าร้านใหม่อยู่ที่ชั้นใต้ดินห้างสรรพสินค้าเสรีเซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์

               ต่อมาได้เข้ามาสอนอาชีพที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชนž ราวปี2543 เริ่มจากก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นและเป็ดพะโล้  ต่อมาเพิ่มเป็นโจ๊กหมูโจ๊กฮ่องกง ลูกชิ้นปลาสูตรโบราณ และผัดไทย ฯลฯ  ซึ่งแต่ละวิชาที่สอนนั้นจะถ่ายทอดความรู้เทคนิค เคล็ดลับ ให้ลูกศิษย์ชนิดหมดเปลือก ไม่มีหวงวิชา
             
เปิดร้านโจ๊กใช้เงินทุน 20,000
ได้อุปกรณ์ใหม่ยกชุด
               ผู้เชี่ยวชาญเมนูโจ๊กกล่าวว่า โจ๊กเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น  เนื่องจากกินง่าย รสชาติกลมกล่อม มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย เหมาะกับคนทุกวัย  ดังนั้น ในสภาวะที่คนส่วนใหญ่หันมารักษาสุขภาพ ผู้ประกอบการก็ควรจำหน่ายสินค้าให้สอดรับกับความต้องการนี้

               สำหรับผู้ที่สนใจขายโจ๊ก ปัจจุบันมีแฟรนไชส์หลายแห่งเปิดให้เข้าร่วมลงทุน แต่ล้วนใช้เงินหลักแสน  ถามผู้รู้ว่าสมควรหรือไม่วิทยากรเผยว่าเงินลงทุนหลักแสนนั้นถือว่ามากเกินความจำเป็น  ยิ่งท่ามกลางเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ควรนำเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดซึ่งหากลงทุนขายโจ๊กเอง จะใช้เงินระหว่าง 15,000-20,000 บาทเท่านั้นก็สามารถเริ่มกิจการได้

               อาจารย์ดาให้ข้อคิดว่า แฟรนไชส์ร้านโจ๊กส่วนใหญ่ใช้เงินลงทุนสูงไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท  แต่ข้อดีคือ ได้ความสำเร็จรูป และมีผู้แนะแนวทางทุกอย่าง  แต่หากใครสนใจขายเอง ยืนยันว่าสามารถทำได้ ไม่ลำบากอย่างที่คิดŽด้วยจำนวนเงินลงทุน 20,000 บาท จะได้อุปกรณ์ใหม่ครบชุด
             
หัวใจสำคัญอยู่ที่ หมูŽ
เมนูนี้กำไรเท่าตัว
               เหตุใดต้องมีหม้อและกระบวยถึง 3 ใบ  วิทยากรบอกว่า หม้อแขกเบอร์ 45 ไว้สำหรับต้มข้าว ส่วนเบอร์ 16 ไว้สำหรับต้มน้ำซุป และหม้อด้ามเดียวไว้ทำโจ๊ก  ซึ่งกรรมวิธีการทำแต่ละครั้งต้องใช้เวลาปรุงถึง 3 ชั่วโมง  แต่ทว่าอาจารย์ดามีเทคนิคประหยัดเวลาให้เหลือเพียง1 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนี้

               หม้อเบอร์ใหญ่สุดใช้ต้มข้าว  โดยนำปลายข้าวสารหอมมะลิกลางปีมาเคี่ยวในน้ำเดือดจนปลายข้าวบาน ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีต้มน้ำซุปที่มีส่วนผสมของกระดูกเอียเล้งและกระเพาะหมูจนสุก ใช้เวลา1 ชั่วโมงครึ่ง  ตักข้าวที่ต้มสุกแล้วผสมกับน้ำซุป ปรุงเป็นโจ๊กภายในหม้อด้ามเดียว  หากอยากประหยัดเวลาต้มข้าว ให้นำปลายข้าวไปแช่น้ำสะอาด 2 ชั่วโมง จากนั้นนำไปปั่นให้แหลกพอประมาณ แล้วเทลงต้มในน้ำเดือด หมั่นคนบ่อยๆ  วิธีนี้จะช่วยให้ข้าวสุกเร็วขึ้นŽ

               สำหรับหม้อเบอร์ 45 นั้นสามารถหุงปลายข้าวหอมมะลิได้เต็มที่ครั้งละ 3 กิโลกรัม  หม้อเบอร์ 16 ต้มกระเพาะหมูและกระดูกเอียเล้งอย่างละ 1 กิโลกรัม  และสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของโจ๊กอยู่ที่เนื้อหมูสับผู้เชี่ยวชาญบอกว่าควรเลือกเนื้อหมูบริเวณสะโพกเพราะเนื้อนิ่ม  และที่สำคัญต้องผ่านการบดละเอียด 2 ครั้ง  จากนั้นหมักด้วยไข่ไก่ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ผงชูรส ผงปรุงรส พริกไทยป่น น้ำมันหอย เกลือป่นและหมูเด้ง นำไปคลุกเคล้าในถังไม้ จากนั้นฟาดไปฟาดมาราวครึ่งชั่วโมง จะได้หมูที่นุ่มและรสชาติดี

               ด้านราคาของวัตถุดิบสำหรับปลายข้าวหอมมะลิเฉลี่ยกิโลกรัมละ 25 บาท  เนื้อหมูบริเวณสะโพกกิโลกรัมละ 100-120 บาท  กระเพาะหมูกิโลกรัมละ 100 บาท  ตับหมูกิโลกรัมละ 100 บาท  ไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 70 บาท (30 ฟอง)  ซีอิ๊วขาวสูตร 5 ขวดละ 12 บาทส่วนต้นหอม ผักชี ขิง ขึ้นอยู่กับฤดูกาล

               ข้าว 3 กิโลกรัมต่อเนื้อหมูบด 2 กิโลกรัม กระเพาะหมู 1 กิโลกรัม ตับหมู 1 กิโลกรัม  ตักชามขนาด 8 นิ้วได้ประมาณ 90-100 ชามขายราคาชามละ 20 บาท เบ็ดเสร็จกำไรเท่าตัวŽ วิทยากรว่าอย่างนั้น

               สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการลงมือปรุงโจ๊กนั่นคือ โจ๊กไหม้  ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า สาเหตุสำคัญอยู่ที่ความชะล่าใจ ปล่อยให้ข้าวสุกเองโดยไม่หมั่นคน อีกทั้งยังเปิดไฟแรงเกินไป  ดังนั้น เวลาต้มข้าวต้องยอมเสียเวลาคอยคนจนกว่าข้าวจะสุก  แต่ทว่ามีเคล็ดลับคือ เมื่อข้าวสุกจะลอยตัวขึ้นมา ระหว่างนั้นหรี่ไฟลงให้อ่อนที่สุด ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าได้

               หากจะขายโจ๊กในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น ควรเตรียมวัตถุดิบตั้งแต่หัวค่ำ ด้วยการนำข้าวและน้ำซุปที่ต้มเรียบร้อยแล้วเก็บใส่ตู้เย็น เวลาจะใช้ให้นำไปอุ่น  ส่วนหมูสับไม่ควรปรุงสุกล่วงหน้าเพราะจะแข็งและเสียรสชาติŽ

               หากในกรณีผู้ประกอบการอยู่ท่ามกลางลูกค้ามีระดับ ชื่นชอบภาชนะสวยหรู อาจารย์ดาแนะนำว่า ควรเลือกใช้ชามกระเบื้องและช้อนสั้นเมลามีน เพราะจะช่วยยกระดับสินค้าและราคาจำหน่าย แต่ทว่าต้นทุนก็จะสูงขึ้นตามลำดับ  สำหรับช่วงเวลาจำหน่าย แนะนำให้เปิดร้านช่วงเช้า ตั้งแต่ 06.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไปและขายคู่กับปาท่องโก๋ เนื่องจากเป็นเครื่องเคียงที่ใช้กินคู่กับโจ๊ก

               อย่างไรก็ตาม การคืนทุนของอาชีพค้าขาย สิ่งสำคัญคือทำเลหากอยู่ในย่านชุมชน ตลาดสด สถานศึกษา โรงพยาบาล ป้ายรถประจำทาง ตลาดนัด ศูนย์การค้า ยืนยันว่าถอนทุนคืนได้ในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว
               จากข้อมูลที่ระบุมา ผู้ที่สนใจขายโจ๊กคงจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดร้านพอสังเขป  แต่หากยังมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่ออาจารย์ดาได้ ซึ่งท่านเต็มใจและยินดีให้คำปรึกษา เบอร์โทรศัพท์ 08-5133-8363 หรือติดต่อเข้ามาได้ที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชนž

เคล็ดลับจากครู

วิธีหุงข้าวแบบเร็ว
               1. นำปลายข้าวหอมมะลิหรือข้าวหอมมะลิมาแช่น้ำทิ้งไว้ 2-3ชั่วโมง
               2. นำข้าวสารที่ผ่านการแช่น้ำแล้วไปปั่นพอประมาณ  จากนั้นต้มน้ำให้เดือด นำข้าวใส่ลงทีละน้อย คนไปมาจนกว่าจะสุก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที  สังเกตเวลาข้าวสุกจะลอยอืดขึ้นมา (หรือใช้ช้อนตักชิม)
             
วิธีการปรุงโจ๊ก
               1. เมื่อข้าวสุกได้ที่ และน้ำซุปเดือดแล้ว ให้ตักขึ้นมาในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยให้เนื้อข้าวมากกว่าน้ำซุป  จากนั้นนำมาคนให้เข้ากันในหม้อด้ามเดียว
               2. ใส่หมูบดลงก่อน จนกระทั่งสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เทลงใส่ชาม  นำกระเพาะหมู ไส้หมู ตับที่ลวกหั่นเป็นชิ้นแล้ววางบนหน้า
               3. โรยด้วยต้นหอม ผักชี ขิงซอย และพริกไทย
             
การเตรียมเครื่องปรุง
               เนื้อหมูบด - ให้ซื้อหมูที่ผ่านการบด 2 ครั้ง หรือสับเองอย่างละเอียด  จากนั้นนำมาหมักด้วยไข่ไก่ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ผงชูรสผงปรุงรส พริกไทยป่น น้ำมันหอย เกลือป่น หมูเด้ง ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง
               ตับหมู - ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบางๆ พอดีคำ ผสมกับเกลือป่น ผงชูรส
               กระเพาะหมู ไส้หมู - ล้างให้สะอาด นำไปต้มในหม้อขณะที่น้ำเดือดพล่าน จากนั้นใส่กระดูก เอียเล้ง คาตั๊ง ปรุงด้วยเกลือป่นเล็กน้อย ต้มไปจนกว่าจะสุก ใช้เวลาเฉลี่ย 1 ชั่วโมง  เมื่อเปื่อยได้ที่ นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเตรียมไว้
               ขิง - หั่นหรือซอยเป็นเส้นฝอยๆ
               ต้นหอม ผักชี - หั่นละเอียดไว้สำหรับโรยหน้า

- http://www.matichon.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น