การเปิดร้านขายน้ำหมักป้าเช็ง
ไม่่น่าเชื่อนะครับ เพราะ ป้าเช็งเนี่ยผมได้ยินมาว่า น้ำยาของเเกเนี่ยขายได้วันเป็นล้านนะครับ จะบอกว่า โกหกก็ไม่ใช่นะครับ เพราะคนที่หายก็มีครับ เเละพวกน้ำหมักเนี่ยผมก็ได้ยินมาเยอะเหมือนกัน เเต่ที่ได้พบมาออกเป็นเสียงเดียวกันเลยครับ ว่าดีมากๆครับ เเต่ผมเห็นด้วยสำหรับใช้ทาภายนอกนะครับ อันนี้น่าลองเเต่ให้ทาหน้าหรือยอดตาเนี่ยผมบายครับ เพราะมันจะดีหรือเปล่า ถ้าไม่ดีตาบอด ชิปหายเลยงานนี้ เเต่น่าสนนะครับ ถ้าจะเปิดขายเพราะเเถวบ้านผม มีคนเอามาขายครับค่อนข้างเเพง เเต่ก็มีคนซื้อนะครับ มีลองด้วยครับ เเก้วละ 20 บาทถ้าจำไม่ผิดครับ เเต่ก็ต้องลงทุนเยอะเหมือนกันนะครับ ถ้าเราไม่ได้ขายของ
บทความน่าสนใจ
กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อตำรวจบุกจับ ป้าเช็ง หรือนางศิริวรรณ ศิริสุนทรินทร์ อายุ 72 ปี เจ้าแม่เคเบิลทีวีเมืองปทุมธานี เจ้าของช่อง ซูเปอร์เช็ง และ น้ำหมักชีวภาพ หรือ น้ำหมัก มหาบำบัด ที่ ป้าเช็ง อ้างสรรพคุณว่ามีประโยชน์ครอบจักรวาล ทั้งใช้รักษานิ่ว ไซนัส ความดันโลหิต ไทรอยด์ ใช้หยอดตา ปรุงอาหาร ถนอมผัก ฯลฯ โดย อย.ชี้อันตราย เพราะไม่ถูกสุขอนามัย เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบ้านพักของ ป้าเช็ง เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2553 ที่ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบว่าบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1 ไร่เศษ ตัวบ้านบางส่วนเป็นโรงงาน ป้าเช็ง น้ำหมักชีวภาพ มีลูกจ้างชาวกะเหรี่ยงชายหญิงจำนวน 9 คน เป็นหญิง 7 คน ชาย 2 คน โดยขณะที่เจ้าหน้าที่บุกค้นบ้าน ป้าเช็ง พบว่ามีลูกค้าจำนวนมากที่เดินทางมาจากหลายจังหวัด เพื่อมาซื้อ น้ำหมักชีวภาพ ป้าเช็ง ซึ่งลูกค้าบางราย ระบุว่า เคยซื้อไปใช้หยอดตาแล้วได้ผลดี อาการดีขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ต.จตุรงค์ ภุมรินทร์ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า การนำขยะมาสกัดทำยาหยอดตา เพื่อรักษาดวงตา เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะขยะมีเชื้อแบคทีเรีย การกระทำดังกล่าวถือเป็นการหลอกลวง จะเห็นว่ามีประชาชนที่มาหลงเชื่อซื้อยาไปรักษา ทำให้ ป้าเช็ง มีเงินหมุนเวียนในส่วนนี้วันละหลายแสนบาท ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสในการรักษา โดยเบื้องต้นทางตำรวจจะบันทึกการจับกุมและลูกจ้างส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ.คลองหลวง ดำเนินการต่อไป
ทางด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ขอเตือนประชาชนที่ได้รับชมและฟังทางเคเบิลทีวีช่อง ซุปเปอร์เช็ง หรือทางสื่อต่าง ๆ ควรไตร่ตรองและพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าหลงเชื่อในการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นยาสมุนไพร หรือยาประเภทต่าง ๆ ที่อวดอ้างสรรพคุณรักษาโรคได้ เพราะนอกจากจะเสียเงินเป็นจำนวนมากแล้ว อาจได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยา
ป้าเช็ง
สำหรับ ป้าเช็ง วัย 72 ปี เธอถือเป็นผู้กว้างขวางในวงการเคเบิลทีวี ปัจจุบันเธอเป็นหญิงชราที่ดูแข็งแรง พูดจาเสียงดังฉะฉาน โดยแต่เดิมนั้น ป้าเช็ง เคยป่วยหนัก แล้วได้ไปรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดกับ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ และก็หายจากโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วยธรรมชาติและเอ็นไซม์ โดยไม่ได้พึ่งยาแผนปัจจุบันเลย จนทำให้ ป้าเช็ง เห็นประโยชน์เรื่อง น้ำหมักชีวภาพ เธอจึงตั้งใจอุทิศตัวเพื่อให้ความรู้เรื่องการหมักเอ็นไซม์ ด้วยความที่มีฐานะที่ดีมากอยู่แล้ว ป้าเช็ง จึงตัดสินใจเช่าช่องดาวเทียม ใช้ชื่อว่า “ซูเปอร์เช็ง” โดยนั่งแท่นเป็นผู้บริหารและรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการเอง แล้วเผยแผ่ให้ความรู้เรื่อง น้ำหมักชีวภาพ รวมถึงเดินทางไปบรรยายตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วย โดย ป้าเช็ง จะพูดเสมอในรายการว่า “สอนให้ทุกคนหมัก ไม่ได้ให้ซื้อ”
สำหรับ ป้าเช็ง วัย 72 ปี เธอถือเป็นผู้กว้างขวางในวงการเคเบิลทีวี ปัจจุบันเธอเป็นหญิงชราที่ดูแข็งแรง พูดจาเสียงดังฉะฉาน โดยแต่เดิมนั้น ป้าเช็ง เคยป่วยหนัก แล้วได้ไปรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดกับ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ และก็หายจากโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วยธรรมชาติและเอ็นไซม์ โดยไม่ได้พึ่งยาแผนปัจจุบันเลย จนทำให้ ป้าเช็ง เห็นประโยชน์เรื่อง น้ำหมักชีวภาพ เธอจึงตั้งใจอุทิศตัวเพื่อให้ความรู้เรื่องการหมักเอ็นไซม์ ด้วยความที่มีฐานะที่ดีมากอยู่แล้ว ป้าเช็ง จึงตัดสินใจเช่าช่องดาวเทียม ใช้ชื่อว่า “ซูเปอร์เช็ง” โดยนั่งแท่นเป็นผู้บริหารและรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการเอง แล้วเผยแผ่ให้ความรู้เรื่อง น้ำหมักชีวภาพ รวมถึงเดินทางไปบรรยายตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วย โดย ป้าเช็ง จะพูดเสมอในรายการว่า “สอนให้ทุกคนหมัก ไม่ได้ให้ซื้อ”
และจากความโด่งดังของ น้ำหนักชีวภาพ ป้าเช็ง ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก จนได้รับเชิญให้ไปปรากฏตัวในรายการ เจาะใจ เพื่อบอกเล่าถึงความเป็นมาในการเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์และการทำหน้าที่พิธีกรมาแล้ว
นอกจากนี้ ถ้าจำกันได้ การเสียชีวิตของ นายพินิจ ประจักษ์แสงสกุล หรือ “กู๋บื้อ” ลูกน้องกำนันเป๊าะ เมื่อหลายปีก่อน ชื่อ”ป้าเช็ง”เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เจ้าตัวต้องวิ่งไปเคลียร์กับ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ขณะเป็นผบช.ภาค 2 ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงแต่ลงทุนทำธุรกิจร่วมกันอย่างเดียว
นอกจากนี้ ถ้าจำกันได้ การเสียชีวิตของ นายพินิจ ประจักษ์แสงสกุล หรือ “กู๋บื้อ” ลูกน้องกำนันเป๊าะ เมื่อหลายปีก่อน ชื่อ”ป้าเช็ง”เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เจ้าตัวต้องวิ่งไปเคลียร์กับ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ขณะเป็นผบช.ภาค 2 ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงแต่ลงทุนทำธุรกิจร่วมกันอย่างเดียว
ป้าเช็ง
ป้าเช็ง
จากการตรวจสอบพบว่า “ป้าเช็ง”จดทะเบียนทำธุรกิจครั้งแรก ในชื่อ หจก. ศิริรักษ์ ก่อตั้งวันที่ 14 เมษายน 2529 ประกอบธุรกิจโรงกลึง ต่อมาวันที่ 3 พฤษภาคม 2531 ทำธุรกิจซื้อขายที่ดินชื่อ บริษัท ช.สหมิตรพัฒนาที่ดิน จากนั้นทำธุรกิจโฆษณาชื่อบริษัท เอส.พี.เอ็ม.แอดเวอร์ไทซิ่ง และ เคเบิ้ลทีวี
“ป้าเช็ง” เคยทำธุรกิจชิปปิ้งร่วมกับ นายพินิจ ประจักษ์แสงสกุล หรือ “กู๋บื้อ” นายกเทศมนตรีตำบลเจ้าพระยาสุรศักดิ์ อ.ศรีราชา คนสนิทกำนันเป๊าะในชื่อบริษัท ภาทอง ชิปปิ้ง เซอร์วิส จำกัด ,ธุรกิจค้าคอมพิวเตอร์ ชื่อ บริษัท อัลคอม เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) ,ธุรกิจซื้อขายที่ดินชื่อ บริษัท คีรีเวศม์ จำกัด และบริษัท ศรีราชาเฟอร์รี
ธุรกิจที่ ป้าเช็ง เปิดอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด 13 บริษัท ได้แก่
1.บริษัท เอส.พี.วี.เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 13 กรกฎาคม 2533 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ตั้งอยู่ในจ.ชลบุรี ประกอบกิจการ ซื้อ ขาย ที่ดิน
2.บริษัท ศรีราชาเฟอรี่ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 20 มิถุนายน 2534 ทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท
3.บริษัท พี.ที.วี.แหลมฉบัง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 29 กรกฎาคม 2536 ทุนจดทะเบียน 33 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ เคเบิ้ลทีวีตามสาย
4.บริษัท เช็งบ้าน แอนด์ เคเบิ้ล จำกัด ก่อตั้งวันที่ 10 มกราคม 2537 ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ประกอบกิจการเคเบิ้ลทีวี ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
5.บริษัท พี.ที.วี.ชลบุรี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 7 สิงหาคม 2539 ทุนจดทะเบียน 58 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ดำเนินการส่งวิทยุโทรทัศน์
6.บริษัท ไบโอติค จำกัด ก่อตั้งวันที่ 12 มิถุนายน 2541 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ จำหน่ายเครื่องดื่มจากธัญพืช
7.บริษัท บ้านศิริสุนทรินท์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 16 มกราคม 2544 ทุนจดทะเบียน 28 ล้านบาท สร้างและจำหน่ายบ้านให้เช่าอาคาร (อสังหาริมทรัพย์)
8. บริษัท ซุปเปอร์เช็ง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 7 พฤษภาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการเคเบิ้ลทีวี
9.บริษัท ซุปเปอร์เช็ง โปรดักชั่น จำกัด ก่อตั้งวันที่ 26 กรกฎาคม 2545 ทุน 22 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ เคเบิ้ลทีวีตามสาย
10.บริษัท ดิจิแซท เทคโนโลยี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 13 ธันวาคม 2545 ทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท บริการรับติดตั้งจานดาวเทียม
11.บริษัท เชง เชง แซทเทลไลท์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 11 มีนาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท บริการด้านวิทยุและโทรทัศน์
12. บริษัท ซูเปอร์เช็ง กรุงเทพ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการเคเบิ้ลทีวี
13.บริษัท ซุปเปอร์เช็ง อยุธยา จำกัด ก่อตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2550 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เป็นตัวแทนจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมทุกชนิด
และเลิกกิจการไปแล้วนับสิบบริษัท โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนเมษายน 2549 ”ป้าเช็ง” เคยเปิดศึกกับ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง อดีตว่าที่ ส.ว.กรุงเทพฯ อันเนื่องมาจากปัญหา “หนี้สิน”
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจาก “นิติภูมิ”ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพฯ มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนกว่า 1 แสนเสียง ต่อมามีคนปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง “ป้าเช็ง”กับ “นิติภูมิ” ออกเผยแพร่ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ทำนองว่าฝ่ายหลังติดหนี้สินจำนวนหนึ่ง ทำเอา “นิติภูมิ” เสียศูนย์ไปพักหนึ่ง
ต่อมา “ติวเตอร์ดัง”ออกมาชี้แจงว่า เคยทำธุรกิจร่วมกับ”ป้าเช็ง”จริง ในบริษัท บาลานซ์ฟิล์ม และ บาลานซ์สตาร์ แต่อยู่ด้วยกันเพียง 3 เดือนก็เกิดปัญหาด้านการบริหาร จึงขายหุ้นทั้งหมดเพื่อกลับไปทำที่เดิม โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรอีก
และเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบเอาผิดบุคคลที่เผยแพร่เทปการสนทนา ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป กระทั่ง “ป้าเช็ง” คู่ปรับ พลาด”ตกบ่อน้ำหมักชีวภาพ” ถูกรวบตัวข้อหาผลิตและขายน้ำหมักเถื่อนในที่สุด
จากการตรวจสอบพบว่า “ป้าเช็ง”จดทะเบียนทำธุรกิจครั้งแรก ในชื่อ หจก. ศิริรักษ์ ก่อตั้งวันที่ 14 เมษายน 2529 ประกอบธุรกิจโรงกลึง ต่อมาวันที่ 3 พฤษภาคม 2531 ทำธุรกิจซื้อขายที่ดินชื่อ บริษัท ช.สหมิตรพัฒนาที่ดิน จากนั้นทำธุรกิจโฆษณาชื่อบริษัท เอส.พี.เอ็ม.แอดเวอร์ไทซิ่ง และ เคเบิ้ลทีวี
“ป้าเช็ง” เคยทำธุรกิจชิปปิ้งร่วมกับ นายพินิจ ประจักษ์แสงสกุล หรือ “กู๋บื้อ” นายกเทศมนตรีตำบลเจ้าพระยาสุรศักดิ์ อ.ศรีราชา คนสนิทกำนันเป๊าะในชื่อบริษัท ภาทอง ชิปปิ้ง เซอร์วิส จำกัด ,ธุรกิจค้าคอมพิวเตอร์ ชื่อ บริษัท อัลคอม เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) ,ธุรกิจซื้อขายที่ดินชื่อ บริษัท คีรีเวศม์ จำกัด และบริษัท ศรีราชาเฟอร์รี
ธุรกิจที่ ป้าเช็ง เปิดอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด 13 บริษัท ได้แก่
1.บริษัท เอส.พี.วี.เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 13 กรกฎาคม 2533 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ตั้งอยู่ในจ.ชลบุรี ประกอบกิจการ ซื้อ ขาย ที่ดิน
2.บริษัท ศรีราชาเฟอรี่ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 20 มิถุนายน 2534 ทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท
3.บริษัท พี.ที.วี.แหลมฉบัง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 29 กรกฎาคม 2536 ทุนจดทะเบียน 33 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ เคเบิ้ลทีวีตามสาย
4.บริษัท เช็งบ้าน แอนด์ เคเบิ้ล จำกัด ก่อตั้งวันที่ 10 มกราคม 2537 ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ประกอบกิจการเคเบิ้ลทีวี ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
5.บริษัท พี.ที.วี.ชลบุรี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 7 สิงหาคม 2539 ทุนจดทะเบียน 58 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ดำเนินการส่งวิทยุโทรทัศน์
6.บริษัท ไบโอติค จำกัด ก่อตั้งวันที่ 12 มิถุนายน 2541 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ จำหน่ายเครื่องดื่มจากธัญพืช
7.บริษัท บ้านศิริสุนทรินท์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 16 มกราคม 2544 ทุนจดทะเบียน 28 ล้านบาท สร้างและจำหน่ายบ้านให้เช่าอาคาร (อสังหาริมทรัพย์)
8. บริษัท ซุปเปอร์เช็ง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 7 พฤษภาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการเคเบิ้ลทีวี
9.บริษัท ซุปเปอร์เช็ง โปรดักชั่น จำกัด ก่อตั้งวันที่ 26 กรกฎาคม 2545 ทุน 22 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ เคเบิ้ลทีวีตามสาย
10.บริษัท ดิจิแซท เทคโนโลยี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 13 ธันวาคม 2545 ทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท บริการรับติดตั้งจานดาวเทียม
11.บริษัท เชง เชง แซทเทลไลท์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 11 มีนาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท บริการด้านวิทยุและโทรทัศน์
12. บริษัท ซูเปอร์เช็ง กรุงเทพ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการเคเบิ้ลทีวี
13.บริษัท ซุปเปอร์เช็ง อยุธยา จำกัด ก่อตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2550 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เป็นตัวแทนจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมทุกชนิด
และเลิกกิจการไปแล้วนับสิบบริษัท โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนเมษายน 2549 ”ป้าเช็ง” เคยเปิดศึกกับ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง อดีตว่าที่ ส.ว.กรุงเทพฯ อันเนื่องมาจากปัญหา “หนี้สิน”
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจาก “นิติภูมิ”ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพฯ มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนกว่า 1 แสนเสียง ต่อมามีคนปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง “ป้าเช็ง”กับ “นิติภูมิ” ออกเผยแพร่ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ทำนองว่าฝ่ายหลังติดหนี้สินจำนวนหนึ่ง ทำเอา “นิติภูมิ” เสียศูนย์ไปพักหนึ่ง
ต่อมา “ติวเตอร์ดัง”ออกมาชี้แจงว่า เคยทำธุรกิจร่วมกับ”ป้าเช็ง”จริง ในบริษัท บาลานซ์ฟิล์ม และ บาลานซ์สตาร์ แต่อยู่ด้วยกันเพียง 3 เดือนก็เกิดปัญหาด้านการบริหาร จึงขายหุ้นทั้งหมดเพื่อกลับไปทำที่เดิม โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรอีก
และเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบเอาผิดบุคคลที่เผยแพร่เทปการสนทนา ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป กระทั่ง “ป้าเช็ง” คู่ปรับ พลาด”ตกบ่อน้ำหมักชีวภาพ” ถูกรวบตัวข้อหาผลิตและขายน้ำหมักเถื่อนในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น