ทำธุรกิจร้านคาร์แคร์
คาร์แคร์ในบ้านเรานั้นมีมากมายจนเกินกว่าจะนับได้ครับ เพราะเกิดกันได้ทุกวันจนเป็นดอกเห็ดไปแล้ว อย่างในกรุงเทพ บางซอยมีถึง 7-8 ร้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น คาร์แคร์เล็ก คาร์แคร์ใหญ่ หรือแม้กระทั้งคาร์แคร์ที่เป็นผลิต-ภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ ขายกันเป็น Brand หรือขายเป็นระบบ แฟรนชายน์กันเลยโดยมีค่าซื้อแฟรนชาย ที่ 2แสน ถึง 5แสนบาท
แต่ท่านๆ ที่ซื้อไปนั้นใช่ว่าจะประสบความสำเร็จกันทุกรายไป ที่ผู้เขียนกล้าเขียนเช่นนี้ก็เพราะผู้เขียนเองได้มีโอกาสทำงานเกี่ยวธุรกิจนี้โดยตรงมาก่อนเป็นระยะเวลาถึง 10 ปี ได้พบปะกับผู้ที่ ประสบความสำเร็จ และไม่สำเร็จมาแล้วทั่วประเทศไทย ก็มีคำถามว่าทำไมถึงทำได้และทำไม่ถึงทำไม่ได้ และจะทำกันอย่างไรถึงจะเรียกว่ามืออาชีพในธุรกิจนี้.
สำหรับท่านที่ประกอบธุรกิจอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดปลานกลางทั่วๆไป ความหลากหลายในการบริการยังไม่เพียงพอการบริหารการจัดการในระบบต่างๆยังคิดว่าต้องเพิ่มเติม ยังไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับท่านที่เป็นเจ้าของธุรกิจได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย
สำหรับท่านที่คิดจะลงทุนในธุรกิจนี้ หรือท่านที่ประกอบธุรกิจนี้อยู่แล้วและต้องการความรู้เพิ่มเติม ทำให้ผู้อ่านมีอะไรๆ ที่สามารถนำไปแก้ไข หรือเพิ่มจุดแข็งให้กับธุรกิจของท่านได้ ไม่มากก็น้อยรวมถึงท่านที่ต้องการความรู้ทั่วไป และรักการอ่านการศึกษา ก็สามารถนำเทคนิคบางหัวข้อไปลงมือปฎิบัติกับรถที่ท่านรักได้ ติดตามกันได้ในหัวข้อที่กล่าวเสนอต่อไปนี้
เรื่องของต้นทุนการทำธุรกิจนี้ผมจะแยกเป็นหัวข้อให้แล้วกันครับ
อันดับแรกนั้นต้องเป็นเรื่องของเครื่องมือครับเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงแรงดัน 100 บาร์แท้(ไม่ใช่ของเทียมที่จำหน่ายตามห้างนะครับ)ราคาประมาณ 45,000 บาทมือสองประมาณ 30,000บาทปั๊มลมขนาด 140 ลิตรขึ้นไป ราคาประมาณ 40,000 บาท มือสองประมาณ 25,000 บาท เครื่องฉีดโฟมถังสแตนแลส ราคาประมาณ 10,000 บาท เครื่องดูดฝุ่น 2หรือ3 มอเตอร์ ราคาประมาณ 30,000 บาท มือสอง ประมาณ 20,000 บาท(อิตาลีแท้) ถ้าเป็นของจีนแดงประมาณ หมื่นเศษๆครับ น้ำยาเคมีต่างๆในการทำงาน ครบ set ประมาณ 20,000 บาท เครื่องมือ จุกจิก เช่น กาพ่นwax ชามัวร์ ผ้าไมโครไฟเบอร์ ชั้นวางน้ำยา เป็นต้นอีกประมาณ หมื่นเศษๆ
รวมการลงทุนเบื้องต้น ประมาณ แสนหก(ถ้าใช้เครื่อง มือหนึ่ง ส่วน มือสองก็ลองบวกดูครับ)
ต่อไปก็เป็นเรื่องของโครงสร้างครับว่าจะเช่าหรือสร้าง ถ้าสร้างต้องมีทุนในมือไม่ตำกว่า 3-4 แสนก็พอสำหรับศูนย์บริการขนาด b-ส่วนเช่านั้นไม่กี่ตัง ทั้งหมดก็รวมดูครับ สำหรับ ค่าเครื่องมือและโครงสร้าง
ต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องของวิชาความรู้ซึ่งอันนี้ต้องมี วิชาอีกเช่นเดียวกัน ปฏิบัติงานจากสถานที่จริง เอากันจนเป็น ทั้งการปฎิบัติ การบริหาร การตลาด promotion 1.เรียนที่รามอินทรา ก.ท.ม ครับ2.เรียนทั้งหมด 16 บท หัวข้ออยู่ใน web แล้วครับ3.ระยะเวลา 5 วันปฏิบัติงานจริงทุกหัวข้อ4.พร้อมเป็นที่ปรึกษาตลอดปี (ถ้าสนใจเรียนก็ติดต่อมาอีกครั้ง ถ้าไม่สนใจก็ไม่เป็นไรครับ)
ส่วนการซื้อเฟรนชายน์นั้น
ข้อดี มีแบรนด์ของร้านที่น่าเชื่อถือ
ข้อดี มีแบรนด์ของร้านที่น่าเชื่อถือ
มีคนจัดการเรื่อง น้ำยาให้, การตลาดให้, การอบรม, ป้าย, รูปแบบร้าน, ชุดพนักงาน, promotion
ข้อเสีย ค่าแฟรนชายน์แพงเกินเหตุ
ต้องอยู่ในขอบเขต ตามสัญญาที่ระบุ ต้องใช้น้ำยายี่ห้อเดียวเท่านั้น ต้องเสียค่าส่วนแบ่งของยอดขาย ประมาณ 20%ต่อเดือน ห้ามใช้น้ำยาของยี่ห้ออื่นโดยเด็ดขาด บังคับการสั่งซื้อน้ำยาต่อเดือน
ที่มา http://www.amcarcare.com/index.php?mo=3&art=100969
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น