บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทำธุรกิจเปิดร้านขายขนมจีน


ทำธุรกิจเปิดร้านขายขนมจีน
ธุรกิจส่วนตัวมาเปิดร้านขายขนมจีนกันดีกว่าครับ  ใช่ครับ ผมว่าร้านขนมจีนเนี่ยกำไรดีครับ เดี๋ยวนี้ตกจานละ 20 บาทครับ เส้นซัก 3 จับลาดเเกงไก่ หรือ ไม่ก็น้ำยาป่าครับ เเละเติมผักครับ คือที่บอกว่าน่าเปิดเนี่ย เท่าที่ผมเคยไปกินร้านประจำนะครับคือกำไรดีครับ เเต่สูตรเด็ดเนี่ยคือพวกผักพวกนี้ต้องสะอาดครับ เเละ ต้องหั่นสวยๆ หน่อยครับทำให้น่ากินครับ ถ้าเป็นไปได้นะครับ ตอนที่ลูกค้ามากินเนี่ยควรล้างผักให้ลูกค้าเห็นครับ เป็นการทำการตลาดทางด้านจิตวิทยาครับ ส่วนเรื่องการจัดการก็เเล้วเเต่เรานะครับว่าจะเคี้ยวกับลูกค้าเเค่ไหนครับ เพราะคนที่มากินขนมจีนเนี่ยกว้างครับเราสามารถหากินกับพวกนี้ได้สบายครับ

ส่วนนี้บทความเพิ่มเติมที่หามาให้อ่านกันครับพี่น้อง
เสาร์นี้มาต่อกันในเรื่องของ “ธุรกิจขายขนมจีบ” อีกตอนหนึ่ง กับประเด็น “ทำเลตั้งร้าน-การตกแต่งร้าน” ซึ่งข้อมูลจากหนังสือคู่มืออาชีพ “ขนมจีบ ธุรกิจลงทุนต่ำ กำไรสูง” ของสำนักพิมพ์พีเพิล  มีเดีย ที่มี กอบชัย ชอัมพงษ์ เป็น บก.บห. แนะนำไว้ โดยสรุปก็คือ… ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งของการเปิดร้านทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ คือการให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลที่ตั้งร้าน รวมถึงการตกแต่งบรรยากาศร้าน


ทั้งสองปัจจัยนี้ก็เป็นเรื่องที่ควรจะศึกษาอย่างจริงจัง ทั้งนี้ การทำธุรกิจ การค้าขาย สิ่งสำคัญคือ ควรเลือกทำเลที่โดดเด่น เหมาะสม เพื่อที่จะนำมาใช้เป็นจุดเด่นของธุรกิจได้
หลักของทำเลที่ดีสำหรับการขายขนมจีบ จำแนกได้ดังนี้…
1.ศูนย์การค้า กลุ่มเป้าหมายทำเลนี้มีมากและหลากหลาย ส่วนใหญ่มีกำลังซื้อ แต่ข้อเสียสำหรับการขายในห้างสรรพสินค้าคือ ค่าเช่าจะมีราคาแพงกว่าที่อื่น แต่ก็สามารถชดเชยได้ด้วยการตั้งราคาที่สูงกว่าที่อื่น
2.ย่านการค้าสำคัญ ทำเลนี้มีข้อดีที่เป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ มีคนเดินผ่านมาก แต่ก็หาทำเลได้ยาก ค่าเช่าค่อนข้างแพง และมีการแข่งขันสูง ทำให้ไม่สามารถตั้งราคาได้เหมือนห้างสรรพสินค้า อย่างไรก็ตาม หากเป็นรถเข็นก็อาจไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ และสามารถตระเวนขายไปได้เรื่อย ๆ

3.ใกล้สถานศึกษา เป็นย่านที่มีผู้คนสัญจรมากและเป็นตัวเลือกหนึ่งในการเลือกทำเลขาย แต่ถ้าเป็นการขายใกล้โรงเรียนอาจไม่สามารถตั้งราคาได้สูงนัก เพราะผู้ซื้อเป็นเด็ก มีกำลังซื้อน้อยกว่าเขตมหาวิทยาลัยที่นอกจากจะเป็นย่านการศึกษาแล้วยังมักจะ เป็นแหล่งที่พักอีกด้วย จึงเป็นตลาดใหญ่ของผู้มีกำลังซื้อมาก
4.หมู่บ้าน เป็นทำเลที่ตั้งที่มีร้านค้าหลายร้านรวมกัน หรือกระจายกันอยู่ทั่วบริเวณที่อยู่อาศัยของชุมชน ได้แก่ ร้านขายของชำ ร้านหนังสือ ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย ร้านค้าในทำเลที่ตั้งประเภทนี้จะต้องอาศัยการอุดหนุนของผู้ที่อยู่ในบริเวณ ใกล้เคียงกันนั้น บริเวณทำเลนี้มักมีต้นทุนการดำเนินงานและค่าเช่าต่ำกว่าทำเลย่านธุรกิจที่ เป็นศูนย์กลางและจะอยู่ในแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ธุรกิจจึงอยู่ได้โดยมีกำไรในระดับหนึ่ง

5.สถานที่ออกกำลังกาย เช่น สวนสาธารณะ จะมีผู้คนมาออกกำลังกาย โดยมากทำเลนี้ในช่วงเย็นผู้คนจะพลุกพล่านมากกว่าช่วงอื่น เหมาะสำหรับผู้ค้าแบบรถเข็นเพราะเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่า
6.บ้านที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการ ในระยะเริ่มต้นผู้ประกอบการอาจลดต้นทุนโดยใช้บ้านหรือบางส่วนของบ้านเป็นที่ ตั้งธุรกิจ แล้วในระยะยาวอาจจะย้ายที่ตั้งใหม่หรือใช้บ้านเป็นการถาวรก็ได้ สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือการที่ใช้สถานที่ประกอบการเป็นบ้านนั้นเหมาะสมกับ การทำธุรกิจเพียงใด หากอยู่ในซอยลึกห่างไกลถนนใหญ่ก็คงไม่เหมาะสมนัก อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการใช้บ้านคือประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลาเดินทาง ผู้ประกอบการจะมีเวลาเต็มที่ในการดำเนินธุรกิจ เหมาะกับช่วงเวลาเริ่มต้นประกอบธุรกิจใหม่ ๆ

ทั้งนี้ ทำเลทั้งหมดที่ได้กล่าวมา ผู้ประกอบการต้องสำรวจว่ามีคู่แข่งในตลาดเดียวกันหรือไม่ หากพบว่ามี ก็ต้องประเมินว่าตลาดใหญ่พอที่จะเข้าไปแบ่งสัดส่วนหรือไม่ และก็ต้องมีจุดขายที่แตกต่างมากพอ ซึ่งหากประเมินแล้วไม่คุ้มต่อการเสี่ยง การเลือกหาทำเลใหม่ก็จะเป็นการดีกว่า
และอีกประเด็นสำคัญ การได้ทำเลดี ก็ไม่ได้แปลว่าธุรกิจของเราจะดีไปด้วยเสมอไป ทั้งนี้อาจต้องขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของร้านด้วย ว่าดีหรือไม่ ต้องมีการตกแต่งร้านให้ดูดีและเหมาะสม เน้นรักษาความสะอาด ขนมจีบนั้นนอกจากอร่อยแล้วก็ต้องทำอย่างถูกสุขลักษณะ จึงจะมัดใจลูกค้าได้ !!.
จาก เดลินิวส์ออนไลน์ – SMEs ยุทธวิธีเศรษฐีใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น